Views 663
2025-10-20 10:30
(กูรูเช็ค) ทำความรู้จัก Pro Pre Syn Post Para เเตกต่างกันยังไง?
ในยุคที่ตลาดอาหารเสริมเติบโตอย่างก้าวกระโดด คำว่า '-biotics' กลายเป็นคำศัพท์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย แต่ในฐานะผู้ประกอบการ คุณเข้าใจความแตกต่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำเหล่านี้ลึกซึ้งแค่ไหน? การเลือกใช้ 'โพรไบโอติก' ที่มีชีวิต, 'พรีไบโอติก' ที่เป็นอาหาร, หรือ 'โพสต์ไบโอติก' นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ล้วนส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ บทความนี้คือคู่มือที่จะไขทุกข้อข้องใจ เปลี่ยนความสับสนให้เป็นความชัดเจน และมอบแผนที่สำหรับสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โดดเด่นและตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างแท้จริงกันนะคะ
Probiotic คือ จุลินทรีย์ดีที่มีชีวิต ถ้าร่างกายได้รับในปริมาณที่เหมาะสม จะส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหารและภูมิคุ้มกัน
กลไกการทำงานหลักๆของ Probiotic : ทำหน้าที่เป็นทหารไปยึดพื้นที่รอบๆผนังเยื้อบุลำไส้ ป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ชนิดไม่ดีมาเกาะอยู่ตามผนัง
⦁ ทำให้ลำไส้เราไม่เสียสมดุล
⦁ เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้
⦁ เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ดีในลำไส้
⦁ ช่วยระบบขับถ่าย, ควบคุมน้ำหนัก, ลดคอเลสเตอรอล, และควบคุมน้ำตาลในเลือด
สำหรับผู้ประกอบการ: ความท้าทายในการเลือกทำสูตรอาหารเสริมที่มี Probiotic คือการรักษาให้จุลินทรีย์ยังมีชีวิตรอดตลอดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ ซึ่งต้องอาศัย สายพันธุ์ที่มีความคงทนในสภาพเเวดล้อมที่เป็นกรดได้ดี เทคโนโลยีการผลิต บรรจุภัณฑ์ และการควบคุมสภาวะการจัดเก็บที่เหมาะสม
ในปัจจุบันเริ่มมีการพูดถึง Probiotic ที่เราต่างรู้ดีว่าเป็นจุลินทรีย์ที่ดีกับร่างกาย เเต่ก็มียีนส์ที่ทำให้ร่างกายเราดื้อยาได้! ดังนั้นในอนาคตสำหรับผู้ประกอบการที่จะทำอาหารเสริมโพรไบโอติก หรือทำขายอยู่แแล้วในไทย อาจต้องเจอข้อบังคับในการเลือกใช้โพรไบโอติกที่เข้มงวดขึ้น ถึงชื่อวงศ์ของเชื่อจุลินย์ทรี ไม่ใช่เเค่ระบุรวมๆในฉลากว่าเป็นเชื้อกลุ่มไหน
1.)แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus)
พบมาก : ในอาหารหมักดอง, โยเกิร์ต, นมเปรี้ยว
กลไก : เกาะติดเยื่อบุลำไส้, ช่วยย่อยแลคโตส, กระตุ้นการย่อยอาหาร, สร้างเอนไซม์และสารต้านจุลชีพ
ข้อดี : ป้องกันอาการท้องเสีย, เสริมภูมิ
2.)บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium)
พบมาก : ในนมและผลิตภัณฑ์นมหมัก
กลไก : สร้างกรดไขมันสายสั้น, กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน, ป้องกันเชื้อก่อโรค
ข้อดี : บรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน(IBS), เสริมภูมิ
3.)สเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลัส(Streptococcus thermophilus)
พบมาก : ในโยเกิร์ต, นมเปรี้ยว, ชีส
กลไก : ทนความร้อนสูง, ช่วยย่อยแลคโตส, สร้างสารต้านจุลชีพ
ข้อดี : ใช้ในผลิตภัณฑ์นมหมัก, ช่วยย่อยอาหาร
4.)แซคคาโรไมซิส(Saccharomyces)
พบมาก : ในของหมักดอง อาหารและเครื่องดื่มที่ผ่านการหมัก เช่น ขนมปัง, เบียร์
กลไก : เป็นยีสต์ที่ช่วยยับยั้งเชื้อก่อโรค, กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
ข้อดี : บรรเทาอาการท้องเสีย, ป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหาร
Prebiotic คือ ใยอาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้ แต่เป็นอาหารของโพรไบโอติกในร่างกาย หาได้จากพวกหัวหอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง และกล้วย เป็นต้น
ตัวอย่างที่มักพบในอาหารเสริม: อินูลิน (Inulin), ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ (FOS), กาแลคโตโอลิโกแซคคาไรด์ (GOS), PHGG, Psyllium Husk
กลไกการทำงาน : เป็นอาหารให้กับ Probiotic ทำให้เกิดการหมักภายในลำไส้(หรือก็คือเป็นอาหารให้เชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีได้) เเละทำให้จุลินทรีย์ผลิตสารสำคัญต่างๆที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย
⦁ กระตุ้นการเจริญเติบโตของโพรไบโอติก
⦁ เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ดีในลำไส้
⦁ ช่วยระบบขับถ่าย, ควบคุมน้ำหนัก, ลดคอเลสเตอรอล, และควบคุมน้ำตาลในเลือด
สำหรับผู้ประกอบการ: Prebiotic เป็น "อาหาร" ให้ Probiotic ถือเป็นคู่หูที่ดีในการช่วยปรับสมดุลลำไส้ พรีไบโอติกสามารถใส่ในผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ ดังนั้นต้องเลือกใช้ให้ถูก เพราะไม่ใช่พรีไบโอติกทุกตัวจะทำให้เกิดการหมักกับ Probiotic ที่เราเลือกใส่มาในสูตรได้
คือ การนำ โพรไบโอติก(จุลินทรีย์ดีที่มีชีวิต) มารวมกับ พรีไบโอติก (อาหารของจุลินทรีย์) ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน เพื่อส่งเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน เป็น "ทีมเวิร์ค" ที่ช่วยให้โพรไบโอติกที่เติมเข้าไปใหม่มีโอกาสรอดและเติบโตในลำไส้ได้ดีขึ้น
สำหรับผู้ประกอบการ: อย่างที่กูรูเช็คบอกไปในพรีไบโอติกว่า ไม่ใช่พรีไบโอติกทุกตัวที่ Probiotic จะสามารถหมักได้ ดังนั้น ในสูตรอาหารเสริมที่เป็น Synbiotics ควรเลือกจับคู่ให้เหมาะสม เช่น
⦁ Bifidobacterium breve NRBB01 คู่กับ scGOS/lcFOS/2’-FL
มีวิจัยที่ทดสอบว่าสามารถปรับสมดุลของระบบลำไส้ได้ดี หรือเร็วกว่าเเค่การทานตัวใดตัวนึงเเบบเดี่ยวๆ (อ้างอิง)
แต่ก็ยังต้องศึกษากันต่อไปนะคะ ว่า Probiotic เเต่ละสายพันธุ์หมักกับ Prebiotic แบบไหนถึงจะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด ถ้าทางผู้ประกอบการสามารถหาเจอ ก็สามารถใช้ตรงนี้เป็นจุดขายได้ดีกว่าสินค้าคู่เเข็ง เเละยังทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ที่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนซื้อของๆเราไปทาน ก็ถือว่า win-win ทั้ง 2 ฝ่าย
คือ สารที่จุลินทรีย์ชนิดดีสร้างขึ้นระหว่างการหมัก ซึ่งแม้ไม่มีเชื้อมีชีวิตเหลืออยู่แล้ว แต่สารเหล่านี้ยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้ เช่น เอนไซม์ แบคทีริโอซิน กรดไขมันสายสั้น วิตามิน กรดอะมิโน และสารสื่อประสาท โดยรวมเรียกว่าองค์ประกอบหรือเมแทบอไลต์จากจุลินทรีย์ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตซึ่งยังออกฤทธิ์ในร่างกาย
“Postbiotic = "ของดีที่จุลินทรีย์ผลิตไว้ให้เราใช้ต่อ" แม้เชื้อจะตายไปหรือถูกกรองออกแล้ว แต่ตัวสารที่ผลิตไว้ยังทำงานได้ เช่น ช่วยดูแลลำไส้ ภูมิคุ้มกัน และสมดุลจุลชีพ ขึ้นกับชนิดและปริมาณของสารที่มีในผลิตภัณฑ์”
เรียกได้ว่าเป็นสารที่น่าจับตามอง ด้วยข้อได้เปรียบด้านความคงตัว ทำให้สามารถพัฒนาสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องดื่มร้อนไปจนถึงขนมอบ โดยไม่ต้องกังวลว่าเชื้อจะตาย ด้วยกลไกการทำงานที่หลากหลาย เเละเริ่มถูกใช้ในสูตรอาหารเสริมมากขึ้น อย่าง
⦁ Acetate
⦁ Propionate
⦁ Butyrate
สำหรับผู้ประกอบการ: โพสต์ไบโอติกในไทยยังไม่เห็นว่ามีใส่เข้ามาในอาหารเสริมเเบบตรงๆ เรามักจะเห็นในต่างประเทศ หรือเป็นส่วนผสมในสกินเเคร์มากกว่า ซึ่งในไทยสูตรอาหารเสริมส่วนใหญ่จะเป็นการใส่ Probiotic มาคู่กับ Prebiotic ทางผู้ประกอบการอาจจะต้องทดสอบเพิ่มเติมว่า ควรจับคู่จุลินทรีย์ดีเเละใยอาหารเเบบไหน ถึงทำให้เกิดโพสต์ไบโอติกตามที่ต้องการมากที่สุด
Postbiotic คือ สารออกฤทธิ์ที่ได้จากการหมักของจุลินทรีย์ในลำไส้เรา เช่น กรดไขมันสายสั้น เปปไทด์ และชิ้นส่วนผนังเซลล์ ซึ่งให้ประโยชน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเชื้อมีชีวิต แต่เมื่อทำเป็นอาหารเสริม สารเหล่านี้ต้องผ่านกรดและเอนไซม์ในกระเพาะก่อน จึงควรพิสูจน์ว่าทนกรดและยังคงฤทธิ์ได้จริงจนถึงลำไส้ ดังนั้น ถ้าผู้ประกอบการอยากจะใช้จริงๆ กูรูเช็คเเนะนำให้ทดสอบเรื่องนี้เพิ่ม หรือใช้เทคโนโลยีที่มาช่วยปกป้อง Postbiotic ให้สามารถทนกรดในกระเพาะอาหารเสรได้โดยที่ไม่เสื่อมประสิทธิภาพ
พาราไบโอติก เดิมหมายถึงโพรไบโอติกที่ถูกทำให้ตาย เช่น การทำให้เชื้อตายด้วยความร้อน(heat-killed) แล้วเอาชิ้นส่วนของเซลล์ที่เหลืออยู่และยังออกฤทธิ์ให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้มาใช้ ปัจจุบัน แนวคิดนี้มักถูกรวมอยู่ใต้คำว่า “โพสไบโอติก” ซึ่งครอบคลุมทั้งชิ้นส่วนเซลล์ของจุลินทรีย์ที่ไม่มีชีวิต เเละสารสำคัญที่ได้จากการหมักของ Probiotic กับ Prebiotic
สรุปสั้นๆก็คือ Parabiotics = Postbiotic นะคะ
สำหรับผู้ประกอบการ : แม้คำนี้จะยังมีการใช้งานอยู่บ้าง แต่การสื่อสารโดยใช้คำว่า "Postbiotic" จะเป็นที่ยอมรับ และเข้าใจง่ายกว่าสำหรับผู้บริโภค ในการทำการตลาดของเเบรนด์อาหารเสริม
⦁ ถ้าต้องการสร้างผลิตภัณฑ์มาตรฐานที่น่าเชื่อถือ:
สูตรอาหารเสริมที่มีซินไบโอติก ยังคงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม แต่สิ่งที่ควรลงทุนในสูตรเลยนอกจากสารสำคัญเเล้ว ควรลงทุนกับนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อ "รักษาชีวิต" ของ Probiotic ให้อยู่ได้ตลอดอายุผลิตภัณฑ์
⦁ ถ้าต้องการสร้างความแตกต่างและจุดขายให้อาหารเสริม:
แนะนำให้เลือกใช้ Postbiotic เป็นวิธีที่เริ่มได้รับความนิยมมากที่สุด ในการนำมาใช้ผลิตอาหารเสริม โดยมักใช้ Heat-killed treatment ที่นอกจากจะให้ประโยชน์แบบโพรไบโอติกได้แล้ว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่ Sensitive ได้ด้วย เพราะความร้อนจะช่วยลดการติดเชื้อจุลินทรีย์อื่นๆได้
ซึ่งสุดท้ายเเล้ว Probiotic แต่ละชนิดมีกลไกที่แทบจะไม่เหมือนกันเลย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าอยากผลิตอาหารเสริมให้ออกมาเป็นสูตรไหน ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มไหนนะคะ
และไม่ว่าผู้ประกอบการจะอยากสร้างแบรนด์อาหารเสริม & สกินแคร์แบบไหน ลองเลือกใช้บริการ ปรึกษาพัฒนาสูตรจากผู้เชี่ยวชาญเภสัชกร R&D พร้อม Partner โรงงานผลิตอาหารเสริมและสกินแคร์ ของ Gurucheck ที่พร้อมช่วยคุณสร้างผลลัพธ์ได้จริง ลดขั้นตอนที่ต้องหาข้อมูลมากมายให้เป็นหน้าที่เรา ลงทุนได้คุ้มค่า และปลอดภัย ต่อยอดได้ทุกกระบวนการกับเรานะคะ
ปรึกษาพัฒนาสูตรกับผู้เชี่ยวชาญเภสัชกร R&D
(ติดต่อเรา)
“กูรูเช็คสร้างชุมชนสำหรับเจ้าของเเบรนด์ และโรงงาน OEM จากความต้องการจริงของตลาดอาหารเสริม สกินเเคร์ และผู้บริโภค ด้วยประสบการณ์ตรงในการเป็นผู้รีวิว เราจึงตั้งใจเป็นที่ปรึกษา พัฒนาสูตร(NPD)ให้กับเจ้าของเเบรนด์ เเละเป็นแพลตฟอร์มที่รวมโรงงาน OEM ที่มีความเก่งในเเต่ละด้านไว้ ให้ตอบโจทย์การผลิตอาหารเสริม สกินเเคร์ ที่ออกฤทธิ์ได้จริงตามงานวิจัย ซึ่งเป็นนโยบายหลักของเรา เพื่อยกระดับวงการอาหารเสริม สกินเเคร์ของไทยให้เเข่งขันได้ในระดับสากล“