Views 2977
2024-06-28 18:00
(กูรูเช็ค) ลดความเครียด ปรับสมดุลคุณภาพชีวิต ด้วย WILD GREEN OAT
ดูเพิ่มเติม
เมื่อพูดถึง “บุหรี่” คุณๆ หลายคนก็คงพอจะรู้ถึงโทษและผลกระทบที่ตามมาจากการสูบบุหรี่ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยังมีคนอีกไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตและทุกข์ทรมานจากโรคที่มาจากการสูบบุหรี่มาเป็นระยะเวลานาน ก็เนื่องมาจากผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้เด็ดขาด และหลายๆ คนก็ยังให้เหตุผลที่น่าสนใจด้วยว่า “การสูบบุหรี่สามารถช่วยทำให้หายเครียดได้” จึงจำเป็นต้องสูบเสมอ
WILD GREEN OAT (ข้าวโอ๊ตสีเขียว) คือ ธัญพืชชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในแถบยุโรปเหนือ และอเมริกาเหนือ โดยมีชื่อเรียกที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Avena sativa หรือข้าวโอ๊ตป่า ดีต่อสุขภาพมากๆ เนื่องจากข้าวโอ๊ตเขียวมีคาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์ต่ำ และยังมีประโยชน์ในด้าน เช่น ช่วยปรับปรุงการไหลเวียน ช่วยลดการอักเสบ ช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง ช่วยปรับอารมณ์
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลของการเสริมด้วยสารสกัดจากข้าวโอ๊ตเขียว (GOE) ในการเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในระหว่างการลดหรือเลิกบุหรี่ โดยเน้นถึงศักยภาพของ GOE ในการสนับสนุนผู้เลิกบุหรี่ ที่กล่าวโดย Marina Friling นักวิจัยจาก IFF Health, Migdal Haemek จากอิสราเอล และเพื่อนร่วมวิจัยใน Frontiers in Nutrition
การสูบบุหรี่มีความเชื่อมโยงอย่างมากกับปัญหาสุขภาพ เช่น ความเสี่ยงสำหรับโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งปอด ดังนั้นการลดและเลิกบุหรี่จึงเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับระบบสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม การเลิกบุหรี่มีความซับซ้อนมาก เนื่องจากการติดนิโคตินที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนติดบุหรี่ และอาการถอน บุหรี่จึงยากมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่โดยรวม เพราะถ้าไม่ได้สูบก็จะเกิดอาการต่าง ๆ จากการขาดนิโคติน เช่น หงุดหงิด งุ่นง่าน วิตกกังวล
ข้าวโอ๊ต (Avena sativa) เป็นตัวเลือกสำหรับแก้ไขปัญหานี้ เนื่องจากมีการใช้เพื่อลดความเครียด ความวิตก กังวล และภาวะซึมเศร้ามานานหลายศตวรรษ และปลอดภัยต่อการบริโภค แม้ว่าประโยชน์บางส่วนเหล่านี้จะ ขาดการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม โดยสารสกัดจากข้าวโอ๊ตเขียวของ IFF Neuravena ได้รับการออกแบบมาเพื่อ ปรับปรุงสุขภาพจิตและหลอดเลือดหัวใจโดยการยับยั้ง monoamine oxidase-B (MAO-B) ซึ่งเป็น เอนไซม์ที่สลายโดปามีน
ผู้วิจัยคัดเลือกผู้เข้าร่วม 145 คน (อายุเฉลี่ย 29.59 ปี ผู้หญิง 54% คนผิวขาว 98.8%) ในสเปน มาเข้าร่วมการศึกษาวิจัย ที่มีกลุ่มควบคุมด้วยยาหลอก โดยผู้เข้าร่วมเป็นผู้ใหญ่ที่ มีสุขภาพดีอายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี ที่สูบบุหรี่ 10 มวนขึ้นไปต่อวัน อย่างน้อย 6 เดือนที่ผ่านมา พวกเขาต้องวัดระดับคาร์บอนมอนอกไซด์เมื่อหายใจออก อย่างน้อย 10 ppm, มีผลตรวจปัสสาวะเป็นลบ และเต็มใจที่จะเลิกสูบบุหรี่
นักวิจัยสุ่มอาสาสมัครเพื่อรับแคปซูลวันละ 2 แคปซูลที่ประกอบด้วย Neuravena 450 มก. หรือ maltodextrin มอลโตเด็กซ์ตริน 519 มก. (ยาหลอก) เป็นเวลา 8 สัปดาห์ โดยมีขนาดกลุ่มที่ 72 และ 73 ตามลำดับ
จากนั้นผู้เข้าร่วมได้รับการประเมินในแง่ของความเป็นอยู่ที่ดีทางจิต รวมถึงคุณภาพชีวิต (QOL) การรับรู้ความเครียด ความซึมเศร้า และการพึ่งนิโคติน
ผู้วิจัยพบว่า ผู้เข้าร่วมที่รับ GOE (wild green oat) มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตลอดการศึกษา โดยวัดจากเครื่องมือที่พัฒนามาจากเครื่องชี้วัดคุณภาพชีวิตขององค์การอนามัยโลก (WHOQOL-BREF) ในระดับ ตั้งแต่ 0 ถึง 100 ซึ่งคะแนนที่สูงกว่าหมายถึงผลลัพธ์ที่ดีกว่า คะแนนสุขภาพกายของพวกเขาดีขึ้นจาก 72.5 ที่พื้นฐานเป็น 76.7 และคะแนนทางจิตวิทยาของพวกเขาเพิ่มขึ้นจาก 64.5 เป็น 68.4 ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ได้รับยาหลอกพบว่าคะแนนลดลงตามลำดับจาก 74.8 เป็น 72.6 และจาก 69.6 เป็น 68.4 ตามลำดับ นักวิจัยพบว่าไม่มีความแตกต่างที่มีนัยสำคัญในด้าน อื่นๆ ของการทดสอบ รวมถึง QoL โดยรวมและสุขภาพโดยรวม
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการวัดคุณภาพชีวิตอื่น อย่าง Visual Analogue Scale และ SF-36 ซึ่งเป็นการวัดสุขภาพโดยทั่วไป โดยผู้ที่รับประทาน GOE ยังพบว่าความเครียดในการรับรู้ลดลงอย่างมาก และการตื่นตัวหลังการนอนหลับดีขึ้นกว่าผู้ที่รับประทานยาหลอก
ดังนั้นการศึกษานี้จึงมีศักยภาพ ในการส่งเสริมประสบการณ์ที่สร้างสรรค์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน กลุ่ม GOE มีเปอร์เซ็นต์อาสาสมัครที่สูงกว่า ที่สามารถลดจำนวนบุหรี่ต่อวันได้มากกว่า 20% ซึ่งหมายถึงการลดการสูบบุหรี่ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีอัตรา 66.7% เทียบ กับ 49.3% ในกลุ่มยาหลอก
ดังนั้น“การลดการสูบบุหรี่มักถูกแนะนำ ให้เป็นขั้นตอนแรกในการเลิกบุหรี่สำหรับบุคคลที่ไม่สามารถที่จะเลิกสูบบุหรี่กะทันหัน” ผู้วิจัยกล่าวว่า “การศึกษาพบว่าการลดการสูบบุหรี่ เพิ่มความน่าจะเป็นของการเลิกบุหรี่ในระยะยาว เนื่องจากการลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปและควบคุม ได้นั้นสัมพันธ์กับอาการเลิกบุหรี่ที่น้อยลง และรู้สึกประสบความสำเร็จ ดีกว่าที่จะไปกระตุ้นผู้สูบบุหรี่เลิกบุหรี่เลย”
Raj Dasgupta หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ Fortune Recommends Health แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยนี้ ว่า "หลักฐานที่แสดงว่า GOE ส่งผลต่อวิถีทางโดปามีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น การศึกษาในสัตว์ทดลองบางชิ้นแนะนำว่า GOE สามารถส่งผลต่อระดับโดปามีนในสมองได้ เป็นการทดลองในมนุษย์จำนวนหนึ่งที่แสดงการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับโดปามีนหลังจากรับประทาน GOE แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันอีกที" โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่าจำเป็นต้องมีการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่เพื่อระบุอย่างชัดเจนว่า GOE ทำงาน อย่างไรและปลอดภัยเพียงใด เขากล่าวเสริมว่า "การศึกษาระยะยาวก็มีความสำคัญเช่นกันเพื่อดูว่ามีประโยชน์ หรือผลข้างเคียงจากการใช้ GOE ในระยะเวลาที่นานขึ้นหรือไม่
การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการลดสูบบุหรี่ช่วยให้อาการทางสุขภาพจิตดีขึ้นแทนที่จะทำให้อาการแย่ลงได้ จากตัวช่วยที่เป็นสารสกัดธรรมชาติ ผู้ประกอบควรศึกษาและหยิบเอาสารสกัดตัวนี้ไปต่อยอด หรือสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้นะ เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจมากขึ้น และสำหรับผู้ที่ติดบุหรี่แล้ว ก็ควรหาวิธีที่เหมาะสมที่จะทำให้เลิกบุหรี่ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่ผู้สูบจะได้ฟื้นฟูสุขภาพร่างกายของตนเอง และฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วย เช่น เริ่มหาเป้าหมายในการเลิก และทำมันอย่างจริงจัง ไม่ใจอ่อนกลับไปสูบอีกนะคะ
ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ
(สำหรับติดต่อโฆษณา)
“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “