เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 4906

2023-12-13 17:30

(กูรูเช็ค) 5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโพรไบโอติกลดสิวอักเสบ สิวเรื้อรัง มีอะไรบ้าง?

1. กินโยเกิร์ตแทนอาหารเสริมโพรไบโอติก(Probiotic) ก็พอแล้ว

    ไม่จริงเสมอไปค่ะ เนื่องจากการรับประทานโยเกิร์ต จุลินทรีย์ดีอาจจะสลายไปเมื่อผ่านกรดในกระเพาะ คุณๆก็จะได้รับจุลินทรีย์ดีไม่ครบ 100%  ตามที่ระบุบนฉลาก หากคุณๆที่หวังผลประโยชน์ในเรื่องลดสิว โดยการทานโยเกิร์ต ก็ต้องรับประทานในปริมาณที่มากพอและต้องเลือกโยเกิร์ตแบบธรรมชาติที่มีน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลค่ะ แต่กูรูเช็คมองว่าการทานอาหารเสริมโพรไบโอติกน่าจะตอบโจทย์กว่าการทานโยเกิร์ตเนอะ(อ้างอิง)
    ดังนั้น การรับประทานอาหารเสริมโพรไบโอติกเพื่อลดสิวก็เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากอาหารเสริมโพรไบโอติกจะมีปริมาณโพรไบโอติกที่แน่นอน น้ำตาลน้อยกว่า และสามารถทนต่อกรดในกระเพาะได้ดีกว่าโยเกิร์ตค่ะ

2. โพรไบโอติก(Probiotic) มีประโยชน์กับทุกคน

    เห็นว่าโพรไบโอติกช่วยเรื่องระบบลำไส้แล้วทุกอย่างจะดี ไม่จริงเสมอไปนะคุณๆ สำหรับคุณๆ ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ กำลังรับประทานยาปฏิชีวนะ หรือ ผู้ที่แพ้อาหารบางชนิด ทานโพรไบโอติกไปแล้วอาจจะเกิดอาการข้างเคียงหรือทานแล้วไม่เกิดประโยชน์ได้ค่ะ กูรูเช็คแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานโพรไบโอติกนะคะ

3. กินโพรไบโอติกแบบไหนก็เหมือนๆ กัน

    เป็นความเชื่อที่ผิดมากๆเลยค่ะ นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้วยังเสียเงินฟรีอีกนะคุณๆ เนื่องจากโพรไบโอติกมีสายพันธุ์ที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละตัวก็มีความสามารถแตกต่างกันออกไป หากคุณๆรับประทานโพรไบโอติกไม่ถูกสายพันธุ์ ก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์หรือไม่เห็นผลได้ค่ะ     
    ซึ่งสายพันธุ์ที่มักถูกนำมาใช้รักษาสิว ได้แก่ แล็กโตบาซิลลัส(Lactobacillus) และ บิฟิโดแบคทีเรีย(Bifidobacterium) (อ้างอิง)

4. โพรไบโอติก(Probiotic) ยิ่งกินเยอะยิ่งดี

    อะไรที่มันน้อยหรือมากจนเกินไปก็ไม่ดีเนอะ ของที่ดีมีประโยชน์ก็เช่นกันค่ะ ถ้าได้รับมากเกินไปจนเกินความจำเป็นก็อาจเกิดผลข้างเคียง และส่งผลเสียต่อเราได้ ซึ่งปริมาณโพรไบโอติกที่แนะนำคือไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้าน CFU(Colony Forming Unit) เพื่อให้แน่ใจว่าโพรไบโอติกสามารถทนต่อกรดในกระเพาะอาหารและมีชีวิตอยู่จนถึงลำไส้ได้ค่ะ ดังนั้นปริมาณจุลินทรีย์ที่สูงกว่าไม่ได้หมายความว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าเสมอไปนะคะ(อ้างอิง)

    มีรายงานการวิจัยได้พูดถึงพรีไบโอติก(Prebiotic) ว่าพรีไบโอติกมีวัตถุประสงค์ในการช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและกิจกรรมของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของร่างกายอีกด้วย(อ้างอิง)

5. โพรไบโอติก(Probiotic) กับ พรีไบโอติก(Prebiotic) กินตัวไหนก็เหมือนกัน

    คุณๆที่คิดแบบนี้อยู่ กูรูเช็คบอกเลยว่าผิดค่ะ ถึงโพรไบโอติก(Probiotic) และ พรีไบโอติก (Prebiotic) จะออกเสียงคล้ายๆกัน แต่สองตัวนี้เค้าทำงานแตกต่างกันนะคุณๆ คือ
• โพรไบโอติก(Probiotic): เป็นจุลินทรีย์ดีที่มีชีวิตอยู่ ที่สามารถทนกรดและด่าง และสามารถผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ รวมถึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพได้ 
• พรีไบโอติก(Prebiotic):  เป็นอาหารของโพรไบโอติก หรือ ไฟเบอร์(FIBER) ไม่ถูกย่อยและดูดซึมในลำไส้เล็ก แต่จะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียโพรไบโอติกในลำไส้ใหญ่ ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของโพรไบโอติก(อ้างอิง)

สรุปก็คือโพรไบโอติก(Probiotic) เป็นจุลินทรีย์ดีที่มีชีวิต มีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนพรีไบโอติก(Prebiotic) เป็นอาหารของโพรไบโอติก ช่วยให้โพรไบโอติกทำงานได้ดีขึ้นค่ะ

สรุป

    ความเข้าใจผิดเหล่านี้ทำให้คุณๆที่ตั้งใจรับประทานอาหารเสริมโพรไบโอติกเพื่อลดสิว ทานแล้วไม่เห็นผลเหมือนเสียเงินไปฟรีๆได้เลยค่ะ
    ดังนั้น คุณๆจึงควรเลือกโพรไบโอติกที่เหมาะสมกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ เทคโนโลยีที่ใช้ผลิต ปริมาณโพรไบโอติกที่เพียงพอ รวมถึงยี่ห้อและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโพรไบโอติกค่ะ

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ   ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

4906

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “