Views 13491
2023-05-24 16:00
(กูรูเช็ค) 3 เรื่องหลงผิด เกี่ยวกับคอลลาเจนเพื่อผิว ข้อเข่า ทำได้ไม่คุ้มเสีย
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าตัวช่วยเรื่องผิวอย่างอาหารเสริมคอลลาเจน ถือเป็นทางเลือกที่ดี แต่แน่ใจมั้ยคะ ว่าคุณๆ กำลังเสียเงินซื้อคอลลาเจนที่ได้ประโยชน์สูงสุด คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป วันนี้กูรูเช็ค ทำบทความนี้ออกมาเพื่อให้สิ่งที่คุณๆได้จากอาหารเสริมคอลลาเจน ไม่เสียเปล่าค่ะ
แถมกูรูเช็คทำออกมาทั้งที ไม่มีคำว่าทำมาเล็กๆค่ะ วันนี้นอกจากเรื่องของผิวแล้ว แน่นอนว่ายังมีเรื่องไขข้อตามมาด้วย เพราะก็อย่างที่รู้กันค่ะว่า ประโยชน์ของคอลลาเจน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของผิวพรรณ วันนี้ก็จะมาสอนการเลือกคอลลาเจนให้คุ้มค่าเงินที่เสียไปที่สุด
แต่ก่อนจะบอกวิธีการเลือกคอลลาเจน กูรูเช็คอยากจะพูดถึงเรื่องของกระแสการตลาดวงการอาหารเสริมคอลลาเจนให้ฟังก่อน
ตลาดอาหารเสริมคอลลาเจน มี 2 อย่างที่ทำให้คุณๆเข้าใจผิดได้ง่าย
คอลลาเจน องค์การอาหารและยา (อย.) ได้กำหนดปริมาณสูงสุดที่ควรได้รับต่อวัน (RDI) ที่ใส่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไว้ได้ที่ไม่เกิน 100,000 มิลลิกรัม
แต่ด้วยทั้งผู้ผลิตที่อยากขายสินค้า และค่านิยมส่วนใหญ่ของผู้บริโภค เข้าใจว่าการได้รับปริมาณคอลลาเจนมากๆ จะยิ่งดีกับผลลัพธ์มากขึ้น ทำให้การโฆษณาคอลลาเจน ที่เน้นปริมาณสูงๆ อย่าง 100,000 มิลลิกรัม เพื่อดึงดูดสายตาให้น่าซื้อนั่นเองนะคุณๆ
แต่คำตอบคือ 100,000 มิลลิกรัม เป็นปริมาณของทั้งกล่อง หรือทั้งแพ็คเกจ ไม่ใช่ต่อช้อนหรือต่อ SERVE หรือต่อ 1 ซอง ดังนั้น จะซื้อคอลลาเจน ให้ไม่เสียเงินไปฟรีๆ ต้องดูที่ปริมาณใน 1 ช้อนหรือ 1 ซองนะคะ
แล้วก็แนะนำ ทาน 5,000 มิลลิกรัมต่อ serve ขึ้นไป เพราะงานวิจัยชี้ว่า ทานคอลลาเจนวันละ 5,000 มิลลิกรัม ขึ้นไปช่วยผิวชุ่มชื้น, ปริมาณคอลลาเจนในผิวแน่นขึ้น และริ้วรอยดูน้อยลง
ยกตัวอย่าง อาหารเสริมคอลลาเจน ที่เป็น COLLAGEN TRIPEPTIDE (คอลลาเจนไตรเปปไทด์) ต้องสังเกตข้างกล่องหรือข้างผลิตภัณฑ์นั้นๆด้วยว่า มีเขียนคำว่า
• HACP (HIGH ADVANCE COLLAGEN TRIPEPTIDE) หรือ มีการล็อคโครงสร้างของคอลลาเจน ให้อยู่ในรูปแบบของ Gly-X-Y ไหม ยกตัวอย่างเช่น Gly-PRO-HYPRO
- GLY = ไกลซีน (GLYCINE)
- PRO = โพรลีน (PROLINE)
- HYPRO = ไฮดรอกซีโพรลีน (HYDROXYPROLINE)
ซึ่งเป็นโครงสร้างคอลลาเจนที่ร่างกายเราสามารถดึงเอาไปใช้สร้างคอลลาเจนให้ผิวเราได้ดี
เป็นคอลลาเจนที่พบเยอะที่สุดในผิว และยังพบได้ในกระดูก กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือดด้วย ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น จะมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจน (อ้างอิง)
คุณๆสามารถดูได้ที่ข้างกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ ขนาดโมเลกุลที่เล็กสุด คือ ไดเปปไทด์ (DIPEPTIDE) ขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยคือ ไตรเปปไทด์ (TRIPEPTIDE) ก็แนะนำว่าควรเป็นคอลลาเจน 2 แบบนี้ เพราะมีงานวิจัยว่า พบคอลลาเจน 2 แบบนี้ในกระแสเลือดหลังทาน ก็แปลว่า เค้าสามารถดูดซึมได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านการย่อยที่กระเพาะอาหารไปซะทั้งหมดนะ (อ้างอิง)
อย่างที่กูรูเช็คบอกไปตอนต้นนะว่า แนะนำปริมาณที่ควรทานต่อช้อน หรือต่อวัน ควรอยู่ที่ 5,000 มิลลิกรัม ขึ้นไป เพราะตามงานวิจัยบอกว่า จะสามารถไปช่วยชะลอความเสื่อมของผิว เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวได้ค่ะ
โดยการทดสอบเค้าให้อาสาสมัครอายุ 40-59 ปี ทานคอลลาเจนวันละ 10,000 mg เป็นเวลา 56 วัน ก็พบว่า ความชุ่มชื้นผิวเพิ่มขึ้น ปริมาณคอลลาเจนหนาแน่นขึ้น ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยได้ (อ้างอิง)
เช่น การล็อคโมเลกุลกรดอะมิโน ถ้าเป็น ไดเปปไทด์ จะมีการล็อคแบบ (PROLINE-HYDROXYPROLINE) และ (HYDROXYPROLINE -GLYCINE) ก็จะดี คือ เป็นโครงสร้างที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ไว แต่ถ้าเป็นไตรเปปไทด์ ควรเป็น GLY-X-Y(GLYCINE-X-Y) นะ
การดูข้างกล่องถ้าเป็นไดเปปไทด์ ส่วนใหญ่จะระบุไว้ แต่ถ้าไตรเปปไทด์ ให้ดูเค้าระบุว่าเป็น HACP รึเปล่านะคุณๆ
หลายสูตรเคลมว่าเป็นอาหารเสริมคอลลาเจนที่ใส่วิตามินซีมา แล้วช่วยผิวขาวได้ แต่ถ้าเป็นในอาหารเสริม วิตามินซีจะใส่มาได้ไม่เกิน 60 mg เพราะถ้ามากกว่านี้จะถือว่าเป็นยานั่นเองนะคุณๆ (อ้างอิง)
ซึ่งวิตามินซีปริมาณ 60 mg จะช่วยให้ขาวได้มั้ย บอกเลยว่า ไม่ถึง เพราะงั้นให้กินคู่วิตามินซี หรืออาหารเสริมผิวที่มาช่วยเรื่องผิวกระจ่างใสอื่นๆที่กินอยู่ได้เลย และการกินคอลลาเจนคู่กับวิตามินซี ก็จะได้เสริมให้ออกฤทธิ์ได้ดีมากกว่าทานคอลลาเจนอย่างเดียวนั่นเองนะ
เพราะพบได้มากในกระดูกอ่อน ข้อต่อต่างๆ แต่จะแนะนำให้เลือกเป็น UC-II ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ยังคงโครงสร้างที่สมบูรณ์ใกล้เคียงกับคอลลาเจนไทป์ทูที่มีในร่างกาย
จุดสำคัญในการทานคอลลาเจน TYPE 2 คือ ทานเพื่อป้องกันการสลายของคอลลาเจนในข้อและกระดูก โดยปริมาณที่แนะนำ 40 mg/วัน (ปริมาณตรงตามงานวิจัย) (อ้างอิง)
ซึ่งถือว่าร่างกายต้องการทานในปริมาณที่น้อยกว่าคอลลาเจนไทป์ทูปกติ
ที่ทำให้ขนาดของคอลลาเจนมีขนาดเล็กมาก ดูดซึมได้เร็ว สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างกรดไฮยาลูโรนิค(HYALURONIC ACID) ที่อยู่บริเวณน้ำข้อเข่าได้ ข้อดีคือ ลดอาการปวดบริเวณข้อเพราะข้อฝืดติดขัด ที่มาของเสียงกร๊อบแกร๊บ บริเวณข้อได้นั่นเองนะ
ดังนั้นคอลลาเจนแต่ละ TYPE ก็ส่งผลต่อผิวหนังและข้อเข่าได้แตกต่างกัน สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับคอลลาเจนทั้งหมดได้ที่ คัมภีร์รวมข้อมูลคอลลาเจน
ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ และฝากติดตามข้อมูลสุขภาพ ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ
(สำหรับติดต่อโฆษณา)
“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “