เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 2546

2024-06-24 16:00

(กูรูเช็ค) รวม 4 วิตามินที่ห้ามซื้อกินเองเด็ดขาด!

กูรูเช็ค

ก่อนจะไปซื้อวิตามินกินเอง เคยตรวจระดับวิตามินในเลือดก่อนรึยัง?

เหตุผลที่ต้องตรวจ เพราะ จะได้รู้ว่าร่างกายเราขาดอะไรบ้าง แต่ค่าตรวจก็เป็นหมื่นเลยเหมือนกัน T^T หรืออีกวิธีนึงที่ไม่ต้องเสียตังค่าตรวจก็คือการดูจากอาการของร่างกายเราก็พอได้ มันจะมี SIGN บางอย่างที่บอกว่าขาดวิตามินนะ

แต่มันจะมีวิตามินบางตัวที่ไม่แนะนำให้ซื้อกินเองเนื่องจากมันอันตราย อาจจะเอฟเฟคต่อร่างกายได้ เพราะฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชก่อนกินนะคะ

เช็คลิสต์ 4 วิตามินที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน

1. VITAMIN A (วิตามินเอ)

• วิตามินเอถ้ากินถูกวิธีก็มีข้อดีเยอะนะ ทั้งช่วยบำรุงสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิวพรรณได้

• แต่ถ้ากินเยอะเกินไปยังไงก็ได้โทษมากกว่าประโยชน์นะ การกินวิตามินเอในปริมาณสูงถือเป็นสารพิษโดยตรงและมีผลต่อตับ ซึ่งวิตามินเอส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ใน STELLATE CELLS ในตับ และมีการสะสม อาจทำให้เกิดการกระตุ้นและการเจริญเติบโตของเซลล์ตับที่มากเกินไป รวมถึงการผลิตคอลลาเจนส่วนเกินจนเกิดเป็นพังผืด จนนำไปสู่การบาดเจ็บของตับได้ (อ้างอิง)

• นอกจากนี้ก็ยังมีผลต่อกระดูก มีผลต่อสมอง และยังเอฟเฟคต่อผิวด้วย อาจทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวที่มากไปจนทำให้ผิวลอกได้ แล้วยังทำให้ผมร่วงได้ด้วยนะ (อ้างอิง)

ดังนั้นสำหรับวิตามินเอแล้วถ้าไม่ได้ขาด ห้ามซื้อกินเองเด็ดขาดนะคะ ซึ่งโดสที่เป็นพิษถ้าเป็น single large dose จะมากกว่า 200,000 ไมโครกรัม แต่ถ้าได้รับระยะเวลานานๆ ต่อเนื่องโดสวิตามินเอที่เป็นพิษคือมากกว่า 10,000 ไมโครกรัม

2. FERROUS (เหล็ก)

• ไม่แนะนำให้ซื้อกินเอง ต้องเป็นคนที่ขาดเท่านั้น เพราะการกินธาตุเหล็กเกินสามารถ EFFECT ได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นตับ หัวใจ และตับอ่อน (อ้างอิง)

• กินเยอะเกินสามารถตุยได้เลยนะคะ ขอยกตัวอย่างเป็น CASE REPORT ของต่างประเทศที่เป็นผู้หญิงคนนึงกินยาเพื่อพยายามจะให้ตัวเองตุย แต่ก็มาหาหมอได้ทัน ตอนนั้นคือมีอาการหนักมากคือทั้งอาเจียน ท้องร่วง และหมดสติ แพทย์ก็ทำการรักษาไปจนตรวจไปเจอว่านางมีปริมาณธาตุเหล็กเยอะมากในร่างกาย แพทย์ก็ทำการรักษายื้อชีวิตต่อไป แต่อาการก็มีแต่ทรุดลงจนในที่สุดเขาก็ตุยภายใน 48 ชั่วโมงเลยค่ะ (อ้างอิง)

FERROUS อันนี้ต้องดูให้ดีเพราะเหล็กมักจะปนอยู่ในวิตามินรวม เพราะฉะนั้นเวลาจะซื้อวิตามินรวมมากิน ให้ดูที่คำว่า IRON FREE หรือ FERROUS FREE แบบนี้แปลว่าไม่มีเหล็กนะคะ โดยโดสสูงสุดของปริมาณธาตุเหล็กคือ 45 มิลลิกรัมต่อวัน ถ้ากินเกินโดสนี้ อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ค่ะ

3. NIACIN หรือ VITAMIN B3 (วิตามินบี3)

• อันนี้เพิ่งมีรายงานเลย ถือว่าสะเทือนวงการแพทย์มากนะ เพราะในรายงานเขาบอกว่าการกิน VITAMIN B3 ที่มากเกินไปจะทำให้เกิดสารที่ไปส่งผลให้เส้นเลือดอักเสบ เกิดเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ และเป็น STROKE หรือภาวะที่สมองขาดเลือดได้  (อ้างอิง)

• ซึ่งตัวเจ้าปัญหาเนี่ยก็คือ 2PY กับ 4PY ซึ่งเป็น niacin metabolite มันจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับปริมาณ VITAMIN B3 ที่มากเกินไป โดยโดสสูงสุดของปริมาณ Niacin คือ 35 มิลลิกรัมต่อวัน ถ้ากินเกินโดสนี้ อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ค่ะ (อ้างอิง)

จริงๆแล้ว NIACIN เป็นทั้งยาและอาหารเสริมเลย ส่วนใหญ่มักจะปนมาในอาหารเสริมผิวขาว แต่ในทางยาเนี่ยจริงๆแล้วถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยลด CHOLESTEROL ได้ เพราะฉะนั้นการกินที่พอเหมาะก็สามารถช่วยลดการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจและ STROKE ได้นะ แต่ถ้าเมื่ีอไรที่กินเกินก็คือเป็นทางตรงกันข้ามเลยค่ะ

4. CALCIUM (เเคลเซียม)

• ซึ่งแคลเซียมเนี่ยเป็นอะไรที่คนมักไม่ค่อยขาด ก็คือถ้าตรวจเลือดไปเนี่ยค่าแคลเซียมก็ไม่ได้บอกว่าต่ำนะ แต่ปัญหาคือแคลเซียมไม่ดูดซึมเข้ากระดูก 
• ยิ่งถ้าเป็นฟอร์ม CARBONATE เนี่ยถ้าร่างกายเอาไปใช้ไม่หมดก็มีรายงานพบว่าสามารถไปเกาะที่หลอดเลือดหัวใจได้เลยนะ (อ้างอิง)

• ถ้าดูจากตารางจะเห็นเลยว่าแคลเซียมมีหลายฟอร์มมาก ซึ่งฟอร์มที่ดูดซึมที่น้อยที่สุดก็คือ CALCIUM CARBONATE ซึ่งดูดซึมได้แค่ 10% ในขณะที่ฟอร์มที่ดูดซึมได้ดีที่สุดก็คือ CALCIUM L-THREONATE ที่สามารถดูดซึมได้ถึง 90-95% เลย เพราะฉะนั้นถ้าใครจะกินก็แนะนำให้กินเป็นฟอร์มอื่นที่ดูดซึมได้เยอะๆดีกว่านะ

• ที่สำคัญคือถ้าจะให้ดีเลยก็แนะนำให้กิน CALCIUM คู่กับ VITAMIN D3+ เพราะมีรายงานที่ทดสอบอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบของ CALCIUM และ VITAMIN D3 พบว่าสามารถช่วยลดอาการท้องผูก ท้องอืด รวมไปถึงอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และอาการเบื่ออาหารได้ (อ้างอิง)

• หรือจะกินคู่กับ VITAMIN K ก็ดีนะ แต่ต้องเป็นฟอร์มที่เกี่ยวกับกระดูก นั่นก็คือ VITAMIN K2 หรือ MK7 อันนี้ก็มีรายงานที่บอกว่าสามารถป้องกันไม่ให้แคลเซียมสะสมในหลอดเลือด  ช่วยปรับปรุงความหนาแน่นของกระดูก กระตุ้นการสร้างกระดูก การยับยั้งการสลายของกระดูก และสังเคราะห์โปรตีนอื่นๆอีกมากมาย เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เหมาะกับผู้สูงอายุด้วยนะคะ (อ้างอิง)

ปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมในผู้ใหญ่คือ 1,000 มิลลกรัมต่อวัน หรือ 1,300 มิลลิกรัมต่อวันในผู้หญิงวัยทอง แต่ถ้าหากคิดว่าได้รับแคลเซียมในอาหารไม่พอสามารถเสริมในรูปแบบอาหาารเสริมได้ในปริมาณ 500-600 มิลลิกรัมต่อวัน

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

2546

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “