เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 13911

2023-05-24 10:00

(กูรูเช็ค) How to กิน 18 วิตามิน อาหารเสริม ยอดฮิต ยังไงให้ถูกวิธีและคุ้มค่าที่สุด!

ปัจจุบันมีวิตามิน อาหารเสริม ออกมาให้เลือกทานมากมาย แต่เรารู้วิธีทานที่ถูกต้องรึเปล่า? ทานยังไงถึงได้ประโยชน์มากที่สุด บทความนี้พาไปเช็คกันค่ะ

1. วิตามินซี (VITAMIN C)

คุณๆสามารถทานก่อนหรือหลังอาหารได้หมด ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน แต่ส่วนตัวกูรูเช็คแนะนำทานหลังอาหาร เพราะวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด ก็จะมีโอกาสกัดกระเพาะได้ เลยไม่แนะนำทานก่อนนอนนะคะ หลายๆคนน่าจะเคยได้ยินแล้วแหละ ว่าถ้ากินวิตซีก่อนนอน ส่วนที่เหลือจะขับทิ้งที่ไต ซึ่งจะเกิดเป็นตะกอน ก็เสี่ยงเกิดนิ่วได้ หรือถ้าคนแบ่งทาน 4 ครั้งต่อวัน ตอนก่อนนอนก็แนะนำว่า ควรทานเร็วหน่อยสัก 2 ชม. ให้เราปัสาวะออกไปก่อนสักรอบหนึ่งก็พอได้ค่ะ

2. สารสกัดถั่วขาว/กระบองเพชร (WHITE KIDNEY/CACTUS)

สารสกัดถั่วขาว/กระบองเพชร ก็มีสรรพคุณมาช่วยบล็อกแป้ง บล็อกไขมันเนอะ สำหรับสองตัวนี้กูรูเช็คแนะนำให้คุณๆทานก่อนอาหารมื้อที่มีแป้งหรือไขมัน อย่างน้อย 30 นาที ซึ่งกูรูเช็คก็ยังคงเห็นหลายแบรนด์ที่ใส่ตัวบล็อกแป้งและไขมันแต่ดันให้กินก่อนนอนนะคุณๆ 555

3. คอลลาเจน (COLLAGEN)

อันนี้ทานตอนท้องว่างจะดูดซึมได้ดีค่ะ คือทานก่อนอาหารเนาะ แนะนำเลือกแบบผงหรือแบบพร้อมดื่ม เพราะจะดูดซึมได้เร็วกว่าแบบเม็ด ที่ต้องใช้เวลาแตกตัว แต่ถ้ามีกลิ่นคาว ให้ผสมอาหารอย่างอื่นทานดูก็ไม่มีปัญหานะคะ

ทริคเสริมเรื่องการทานคอลลาเจน
ทานวิตามินซีคู่กับคอลลาเจน(VITAMIN C+COLLAGEN)
วิตามินซีช่วยกระบวนการสร้างคอลลาเจน (สังเคราะห์คอลลาเจน) กินคอลลาเจนให้คุ้มต้องกินคู่กับวิตามินซี คุณๆที่กินวิตามินซีอยู่แล้ว ให้เอามากินเป็นมื้อเดียวกับคอลลาเจนนะคะ

4.กลูตาไธโอน (L-GLUTATHIONE)

ตัวนี้ทานตอนท้องว่าง แต่ถ้าดีที่สุดก็แนะนำเป็นท้องว่างตอนก่อนนอน หรือหลังตื่นนอน เพื่อให้เค้าเนี่ยดูดซึมได้ดีนะคะ เพิ่มเติมอีกนิดคือ ถ้าให้ดีคือหาสูตรที่ใส่ ALA ด้วยนะ เพื่อที่จะได้มาช่วย SUPPORT การทำงานกลูต้าด้วยอีกทีนะคะ

5. แคลเซียม (CALCIUM)

กินตอนท้องว่าง คือก่อนอาหารนะคะ ถ้าให้ดีควรกินคู่กับวิตามินเค และวิตามินดี เพื่อช่วยการดูดซึม และการทานแคลเซียม แนะนำทานแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้กระดูกพรุนแล้วค่อยมาทาน ถ้าอายุมากกว่า 30 ปีสามารถทานได้แล้ว มันจะช่วยป้องกันตะคริวและการปวดข้อได้

6. วิตามินบี (VITAMIN B)

เป็นวิตามินละลายในน้ำ มีหลายแบบทั้งแบบเม็ดฟู่ แบบเม็ด แบบแคปซูล หรือแบบเครื่องดื่มควรกินตอนท้องว่าง หรือ หลังตื่นนอนเพื่อร่างกายดูดซึมได้ดีน้า ไม่ควรทานตอนเย็นหรือทานก่อนนอน เพราะเสี่ยงจะนอนไม่หลับได้ วิตามินบีแนะนำว่าให้เลือกทานแบบรวมหรือแบบ COMPLEX ไปเลย ไม่ต้องทานแยก เพราะมันจะช่วยเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน แต่ก็แนะนำให้อ่านฉลากก่อนซื้อนะคะ ก็เหมาะสำหรับคนที่อยากบำรุงสมอง เป็นไมเกรน มีอาการชาปลายมือปลายเท้าเพราะพักผ่อนน้อยนะ

7. NAD(NICOTINAMIDE ADENINE DINUCLEOTIDE)

NAD ถ้าเป็นอาหารเสริมให้ทานตอนท้องว่าง หลังตื่นนอนได้ แต่ตอนนี้เค้ามีอีกวิธีการ คือโปรแกรมเสริมเข้ากระแสเลือด หากเป็นรูปแบบเข้ากระแสเลือด ก็ต้องระมัดระวังมากในคนที่มีโรคประจำตัว แนะนำควรปรึกษาคุณหมอก่อนนะคะ

8. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น(GRAPE SEED)

ทานเพื่อบำรุงผิว ทานตอนท้องว่าง แนะนำให้ดูสูตรที่บอกปริมาณสารสำคัญ OPC(OLIGOMERIC PROANTHROCYANIDIN COMPLEXS) โดยปริมาณโดสก็ควรอยู่ที่ 50-300 มก. แต่ในคนที่เป็นโรคหัวใจ ที่ได้ยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาฟาริน แอสไพริน ก็ต้องเลี่ยงหรือใช้อย่างระมัดระวังเพิ่มขึ้นนะคะ

9. ไฟเบอร์ (FIBER)

หลังแบรนด์ทำสูตรไฟเบอร์ได้มั่วมากกก แต่ละแบรนด์ก็จะทำสูตรออกมาแตกต่างกัน ก็ต้องมาดูก่อนว่าในตัวที่คุณๆทานอยู่เป็นอาหารเสริมช่วยเรื่องอะไร ถ้าเป็นอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่อง ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย สำหรับอาหารเสริมที่เป็นใยอาหาร ให้ทานก่อนนอน เพราะพวกนี้จะมีเวลาให้กลไกทำงาน 6 - 8 ชั่งโมง ถ้าทานก่อนนอน ตื่นมา ก็พร้อมถ่ายเข้าห้องน้ำตอนเช้าพอดี 

10. โพรไบโอติก(PROBIOTIC)

ควรทานก่อนนอนหรือท้องว่างนะ เพราะว่าจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี 
• แบบผง 
ข้อดี คือ ใส่เชื้อจุลินทรีย์ได้เยอะ จำนวนปริมาณนั้นสูง แต่ก็มีบางตัว ไม่ได้มีนวัตกรรมที่ทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้แบบยังไม่ตาย เพราะงั้น ถ้าแบบผง แนะนำสูตรที่เค้ามีการใช้เทคโนโลยี Encapsulated ด้วย จะดีกว่านะคะ
• แบบเม็ด 
ข้อเสีย คือ ปริมาณที่จะใส่ลงแคปซูลได้เนี่ยค่ะ เค้าจะใส่ลงมาไม่ได้เยอะหรือถ้างั้นต้องทานหลายเม็ด แต่คุณๆที่ไม่ชอบชงน้ำดื่ม หรืออยากได้อะไรที่ทานง่าย ไม่ชอบแบบผง

11. นมผึ้ง(ROYAL JELLY)

ถ้า ทานเพื่อผิวพรรณ ให้ผิวเต่งตึง เนียนกระชับ นุ่มลื่นขึ้น ให้ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอนจะได้ผลดีที่สุด เพื่อว่าโปรตีนและวิตามินจะมาช่วยซ่อมแซมเซลล์ ผลิตคอลลาเจนที่เป็นโปรตีนโครงสร้างสำคัญของผิว แถมยังช่วยให้นอนหลับสบายได้
ส่วน ทานเพื่อให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เฟรช ก็ให้ทานก่อนอาหารเช้า เพราะนมผึ้งจะช่วยบูสต์สมอง เพิ่มความจำ ไม่ทำให้เครียดระหว่างวัน 

12. น้ำมันปลา(FISH OIL)

ตัวนี้กินพร้อมอาหารได้เลย วิธีดูก็สำหรับคนที่อยากลดไตรกลีเซอร์ไรด์ ลดไขมันในเลือด ควรดูฉลาก แล้วดูปริมาณ DHA+EPA รวมกัน มากกว่า 50% ต่อเม็ด เพราะถ้าดูปริมาณสารน้อย เราก็ต้องทานหลายเม็ด และจะมีส่วนที่เหลือในเม็ดนั้นเป็นไขมันอื่นๆปนมา นั่นก็คือ ไตรกลีเซอร์ไรด์ อีกทั้ง เช็คดูว่า มีเคลมว่าปราศจากโลหะหนักมั้ย เพราะปลาทะเล ก็เป็นไปได้ว่าจะมีสิ่งปนเปื้อนจากในน้ำติดมาด้วย

13. วิตามินดี(VITAMIN D)

ปัจจุบันเน้นทานเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน และคนไทยขาดวิตามินตัวนี้กันเยอะ ถือเป็นวิตามินอีกตัวที่มีความจำเป็นวิธีทาน ควรทานพร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที เพราะเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน 
วิตามินดีมีด้วยกัน 2 ฟอร์ม คือ วิตามินดี 2 และวิตามินดี 3 ซึ่งควรทานเป็นฟอร์มของวิตามินดี 3 นะ เพราะวิตามินดี 3 เป็นฟอร์มที่ออกฤทธิ์  โดยปริมาณการทานอยู่ที่ 600 IU ต่อวัน

14. โคเอ็นไซม์คิวเทน(COENZYME Q10)

รูปแบบโคคิวเท็นธรรมดา ให้ทานพร้อมอาหาร ปริมาณ 30 มก. ต่อวันก็เพียงพอ แต่ถ้าคุณๆที่ทานโดสสูงกว่านี้อยู่ ก็ดูว่าอย่าให้เกิน 200-300 มก. ต่อวัน โดยรูปแบบที่ลองหาดูเป็นรูปแบบ UBIQUINOL ที่พัฒนามาให้เล็กลง ร่างกายดูดซึมง่าย ทำงานได้เต็มที่มากขึ้น ดีกว่าโคคิวเท็นรูปแบบเก่า รูปแบบ UBIQUINOL ทานตอนท้องว่างได้ ไม่จำเป็นต้องทานพร้อมอาหาร เพราะไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการละลาย คุณๆที่ทำงานหนัก ไม่สดชื่น ก็ทานวันละ 100 มก. 2 ครั้งเป็น 200 มก. ก็โอเคค่ะ

15. แอสตาแซนทิน(ASTAXANTHIN)

ดูที่ฉลากว่ามาจากธรรมชาติ จากสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส ก็ค่อนข้างจะดี ต่อมาดูความเข้มข้น ที่เข้มข้นสุดจะอยู่ที่ 10% หรือในปริมาณต่อเม็ดจะทานได้ที่ 4-12 มก. ต่อวัน แต่ อย. เองก็กำหนดให้ทานปริมาณไม่เกิน 6 มก. ต่อวัน และถ้าเป็นแบบซอฟเจล ควรดูแพ็คเกจที่เป็นฟรอยหรือแผง ไม่ใช่แบบขวดแก้ว ที่มีโอกาสการ degrade ได้จากอากาศเข้า และถ้าในสูตรมีโอเมก้า 3 ก็จะช่วยการดูดซึม ไปจนถึงวิตามินอี จะช่วยเสริมคุณภาพด้วยได้ ตัวนี้กินตอนไหน ก็คือต้องทานตอนเช้าพร้อมอาหาร เพื่อไป ลดการทำร้ายผิวจากแสงแดด โดยทานพร้อมอาหาร ช่วยเพิ่มการดูดซึม

16. ซิ้งค์(ZINC)

ทานตอนหลังอาหารหรือพร้อมมื้ออาหาร ปริมาณทานเพื่อสุขภาพร่างกายทั่วไป โดสที่ทานอยู่ที่ 40 มก.แต่ถ้าทานเพื่อรักษาสิว ก็อยู่ที่ประมาณ 40-130 มก. เพราะถ้าทานมากเกินไป จะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี แล้วก็ถ้าคุณๆทานเพื่อช่วยเรื่องสิว ถ้าสิวหาย ก็สามารถหยุดทานได้นะ
วิธีทาน “ซิ้งค์” ให้เลือกซิ้งค์รูปแบบ ZINC AMINO ACID CHELATE คือ แบบที่ดูดซึมได้ดี ข้อเสีย คือ เป็นรูปแบบที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เพราะร่างกายดูดซึมเอาแร่ธาตุไปใช้ได้เยอะขึ้น แบบแคปซูลทั่วไป ก็ละลายได้ง่าย ดูดซึมได้ง่ายด้วย 
ดังนั้นถ้าใคร ZINC AMINO ACID CHELATE ทานแล้วมีอาการคลื่นไส้ ก็ให้เปลี่ยนไปทานเป็น ZINC GLUCONATE แทนนะ

17. ไบโอติน(BIOTIN)

วิธีทาน “ไบโอติน” ทานหลังอาหาร โดยเลือกสูตรที่ใช้ D-BIOTIN เพราะจะดูดซึมดีกว่า BIOTIN ปกติ ซึ่งปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ อยู่ที่ 100-150 มคก.

18. วิตามินอี(VITAMIN E)

วิธีทาน “วิตามินอี” ทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร โดยร่างกายต้องการปริมาณ 10 IU ต่อวัน 
โดยจะมีด้วยกัน 2 ฟอร์ม คือ TOCOTRIENOL ทานเพื่อต้านอนุมูลอิสระ กับ ACETATE ที่เหมาะมาทำเป็นครีม


ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  และฝากติดตามข้อมูลสุขภาพ ความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

13911

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “