รีวิว Bio-Oil สกินแคร์ ออยล์ทาผิว ลดรอยแผลเป็น รอยแตกลายได้! [กูรูเช็ค]

เขียนโดย : กูรูเช็ค

2023-04-18 15:00

(กูรูเช็ค) รีวิว Bio-Oil สกินแคร์ ออยล์ ช่วยลดรอยแผลเป็น รอยแตกลาย จุดด่างดำ ได้!?

กูรูเช็ค

(กูรูเช็ค) รีวิว Bio-Oil สกินแคร์ ออยล์ ช่วยลดรอยแผลเป็น รอยแตกลาย จุดด่างดำ ได้!?

Bio-Oil SKINCARE OIL NATURAL (ไบโอ ออยล์ สกินแคร์ ออยล์ เนเชอรัล)

ดูเพิ่มเติม

Bio-Oil SKINCARE OIL NATURAL (ไบโอ ออยล์ สกินแคร์ ออยล์ เนเชอรัล)

ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอยแผลเป็น และรอยแตกลาย ที่เค้าบอกว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ไม่ใส่สี ไม่ใส่น้ำหอม และคนท้องก็สามารถใช้ได้ รวมไปถึงเด็กเล็กที่มีอายุ 3 ขวบปีขึ้นไป
สูตรนี้ OIL ที่ทางแบรนด์เลือกใช้หลักๆก็จะมี

1.PUNICA GRANATUM SEED OIL
หรือน้ำมันเมล็ดทับทิม เป็นอะไรที่ไม่ค่อยคุ้นเลยเนาะ ยังไม่เคยเห็นแบรนด์ไหนใช้ แต่พอลองศึกษาข้อมูลก็เจอว่าเค้ามี สารออกฤทธิ์อย่าง ELLERGIC ACID และ PUNICIC ACID มาช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันผิวแตก แห้ง และยังมีรายงานบอกว่าน้ำมันเมล็ดทับทิมสามารถมาช่วยฟื้นฟูผิว ทำให้ชั้นผิวหนาขึ้นและ มีความยืดหยุ่นขึ้น ก็จะทำให้ลกโอกาสผิวแตกลายได้นั่นเองนะ

2.ROSA CANINA FRUIT OIL
คนส่วนใหญ่มักเรียกว่า ROSE HIPS OIL หรือน้ำมันโรสฮิป เป็นน้ำมันที่ได้จากผล ROSA CANINA มีสารออกฤทธิ์อย่าง วิตามินเอและวิตามินซี มาช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เส้นใยคอลลาเจน รักษารอยแผลเป็นได้ อีกทั้งยังมี โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีด้วยนะคะ

ได้มีการทดลองใช้น้ำมันโรสฮิป กับอาสาสมัคร 108 คนที่มีการผ่าตัดเนื้องอกที่ผิวหนัง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 76 คน ทำการรักษาด้วย ROSEHIP SEED OIL (RHO) ที่แผลเป็นทาวันละ 2 ครั้ง และในกลุ่มที่ 2 32 คน จัดเป็นกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับการรักษาอะไร นาน 12 สัปดาห์ พบว่า หลังจากผ่านไป 12 สัปดาห์ อาสาสมัครกลุ่มที่รักษาด้วย RHO วันละ 2 ครั้ง มีผิวหน้าที่ดีขึ้น และรอยแผลเป็นก็จางลงอย่างชัดเจนด้วยนะ

หรือก็คือการทดลองนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ROSEHIP SEED OIL เค้าช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้เนาะ

3. CALENDULA OFFICCINALIS EXTRACT
เป็นสารสกัดดอกคาเลนดูล่า พบได้ตามแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีสารออกฤทธิ์ที่ชื่อว่า LUTEIN มาช่วยทำหน้าที่เป็น ANTI-INFLAMATION ช่วยลดการอักเสบที่ผิว และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยนะ

4.GLYCINE SOJA OIL
หรือน้ำมันถั่วเหลือง ก็ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้าง เซลล์ผิวใหม่ ลดการระคายเคืองที่ผิวได้นะ

นอกจากนี้ Bio-Oil เองยังมีงานวิจัย ให้อาสาสมัครจำนวน 20 คนอายุระหว่าง 18-55 ปีที่มีปัญหาเกี่ยวกับท้องลาย ทา Bio-Oil ที่มีส่วนผสมของ LAVANDULA AUGUSTIFOLIA, ROSMARINUS OFFICINALIS, CALENDULA OFFICINALIS และ BISABOLOL ที่มีอยู่ในสูตรนี้ด้วยนะ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มี 10 คน ทาท้องข้างซ้าย กลุ่มที่ 2 มี 10 ทาท้องข้างขวา ส่วนข้างที่ไม่ได้ทา ก็เป็นจุดควบคุม ให้ทาวันละ 2 ครั้ง นาน 12 สัปดาห์

พบว่า รอยแตกลายลดลงใน 4 สัปดาห์แรกที่ใช้ เมื่อเปรียบเทียบกับข้างที่ไม่ได้ทำการรักษา เลยนะคุณๆ

สำหรับสูตรนี้ไม่ใส่สารที่ก่อการระคายเคืองอย่าง สี และ น้ำหอม คุณๆคนไหนที่แพ้ก็สามารถใช้ได้นะ

คำแนะนำจากกูรูเช็ค
สูตรนี้เหมาะกับรอยแตกลาย ถ้าสำหรับคนท้องแนะนำให้ทาตอนที่ท้องเริ่มคันหรือตอนท้องช่วงแรกนะ จะได้ช่วยลดการเกิดผิวแตกลายได้ ส่วนคนที่รู้สึกว่าช่วงนี้เริ่มโตขึ้น หรือช่วงวัยรุ่นที่ร่างกายมีการขยายเปลี่ยนแปลง โครงสร้างร่างกายเริ่มเปลี่ยน เป็นหนุ่มเป็นสาวมากขึ้น ใครที่น้ำหนักเพิ่มเร็วหรือลดน้ำหนักลงเร็ว ผิวเราก็สามารถเกิดรอยแตกลายได้เหมือนกัน ดังนั้นเราก็สามารถทาตามจุดต่างๆเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ป้องกันการเกิดรอยแตกลายได้
ส่วนใครที่มีรอยแผลเป็นนูนแข็งก็สามารถทาให้แผลเป็นนูนนุ่มลง หรือรอยแผลเป็นที่ผิวเป็นด่างๆ หรือรอยดำรอยแดงสิวตามตัว เค้าก็มีน้ำมันโรสฮิป ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีก็สามารถมาช่วยลดรอยแผลเป็นได้ตามงานวิจัยนะ สำหรับสูตรนี้กูรูเช็คว่า ก็สามารถใช้แทนโลชั่น ทาผิวระหว่างวันได้ เพราะเนื้อเค้าบางเบาไม่ได้หนัก หรือเหนาะหนะผิวนะคะ

ราคาสกินแคร์ Bio-Oil SKINCARE OIL NATURAL : 495 บาท ขนาด 60 มล. (มล.ละ 8.25 บาท)
สามารถหาซื้อสกินแคร์ Bio-Oil ได้ทาง :
• Facebook: Bio-Oil Thailand
• Shopee
• Lazada
• วัตสัน
• ร้านขายยา
• ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

กูรูเช็คขอบคุณข้อมูลจาก

• https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5338857/pdf/dddt-11-521.pdf
• https://file.scirp.org/pdf/JCDSA_2015062914154638.pdf
• https://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1080/20786204.2009.10873874