• DOSAGE FORM คืออะไร?

สิ่งที่เจ้าของแบรนด์ไม่เคยบอกคุณ พวกครีม เซรั่ม ESSENCE LOTION หลังๆ มีเซรั่มอินครีม แอมพูล คำเหล่านี้ ภาษาทาง PHARMACEUTICAL (เภสัชกรรมการผลิต) เค้าเรียก DOSAGE FORM คุณๆ ว่าง่ายๆคือ เป็นการบอกรูปแบบ เค้าเรียกว่า รูปแบบทางเภสัชภัณฑ์ ไม่ได้บอกสรรพคุณนะ
จริงๆในทางยามีมากกว่านี้นะ เช่น OINTMENT(ยาขี้ผึ้ง), SUSPENSION(ยาแขวนตะกอน เช่น ยาทั้งหลายที่ต้องเขย่าก่อนทาน) หรือแม่กระทั้ง ยาเม็ด ยาแคปซูล ก็คือ DOSAGE FORM นะ
ซึ่งกูรูเช็คเราอยากจะบอกว่า หยุดนำ DOSAGE FORM เหล่านี้ มาใช้เป็นการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดได้แล้วนะคุณๆ

ยกตัวอย่าง  เช่น
‣ เราจะชอบเห็นแม่ค้าออนไลน์ โชว์เนื้อครีมแบบข้นๆ เลยนะ แล้วบอกว่า เนี่ยของเค้าเข้มข้นมาก!
จริงๆความข้นของเนื้อครีม ไม่ได้แปลว่าสารที่ออกฤทธิ์เยอะกว่านะ ให้ดูปริมาณของ active ที่ใส่เป็นหลักคุณๆ เช่น สกินแคร์รักษาฝ้าแบบครีม ไม่ได้แปลว่าใส่ไวท์เทนนิ่งมาเยอะกว่าเซรั่ม
‣ ส่วนครีมทาตัว ที่บอกว่าแค่ตัวเดียว ได้ครบทั้ง 3 คุณสมบัติ คือ ครีม เซรั่มและ essence งงมั้ย เค้าขายอะไร 555 คือ ไม่ได้บอกคุณสรรพคุณเลยนะคุณๆ
แต่ก่อนการตลาดจะเป็นแบบนี้ แต่สมัยนี้จะดูหรูหราขึ้น เช่น เซรั่ม อิน ครีม คือ ถ้าคุณๆ ได้ยินอะไรแบบนี้ ให้รู้ไว้ว่าเค้ายังไม่ได้บอกสรรพคุณอะไรเลย เราต้องเช็คอีกทีว่าเค้ามีส่วนผสมอะไรในสูตรนะคะ ยึดที่ส่วนผสมเป็นหลักนะ
‣ ต่อมาแอมพูลเข้มข้น ที่เราเริ่มได้ยินติดหูกันมากขึ้นในปัจจุบัน

AMPOULE (แอมพูล) ไม่ใช่ DOSAGE FORM แต่เป็น ภาชนะบรรจุ หน้าตาเค้าเป็นแบบนี้คุณๆ มันมาจากภาชนะที่ใส่ยาฉีดแบบ single dose นะ

กูรูเช็คคิดว่าการตลาดยุคนี้ อาจพยายามสื่อให้สกินแคร์ที่เป็นแบบแอมพูลดูมีความเข้มข้นมาก แต่จุดประสงค์เค้าคือ ออกแบบให้ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดการปนเปื้อนหรือใช้สำหรับยาที่เปิดแล้วมีโอกาสเสื่อมได้เร็ยว เช่น วิตามินซีแบบฉีด เป็นต้น ไม่ได้บอกความเข้มข้นเช่นกัน ต้องดูสารข้างในสูตรนะ แล้วก็ต้นทุนการผลิตแพง แถมใช้งานยากอีกด้วยคุณๆ 

• รูปแบบของ DOSAGE FORM ในสกินแคร์

มาถึงตรงนี้คุณๆอาจจะถามว่า เค้าใช้เรียกเพื่อการตลาดอย่างเดียวเลยหรอ จริงๆ ก็ไม่ใช่นะคะ เพราะ DOSAGE FORM แต่ละแบบก็จะมีประโยชน์แตกต่างกันไป ดังนี้ค่ะ

1. SKIN FEEL

ถ้าเรียงตามปริมาณน้ำ หรือดูสูตรลำดับส่วนผสมน้ำจะอยู่ส่วนใหญ่ก็ตัวแรก จะมีความเบาผิวนะคุณๆ อย่าง เอสเซนส์(ESSENCE) เป็น WATER BASED เทออกมาก็เหลวเป็นน้ำเลย ทาแล้วบางเบา เบาสบายผิวทีเดียวค่ะ ต่อมา ซีรั่ม(SERUM) เนื้อจะเข้มข้นมากกว่าเอสเซนส์ และบางยี่ห้ออาจจะมี OIL ผสมมาด้วย แต่สัดส่วนของน้ำก็ยังเยอะอยู่ ทำให้ยังคงมีความเบาสบายหลังทาอยู่นะคะ และครีม(CREAM) เนื้อครีมจะหนัก ข้นกว่า DOSAGE FORM 2 แบบแรก เพราะส่วนผสมที่เป็น OIL เยอะกว่า เวลาทาก็จะต้องเกลี่ยสักพักให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวนะคะ 

2. เพิ่มความชุ่มชื้น

DOSAGE FORM ที่มีการเพิ่มส่วนผสมที่เป็น OIL เข้ามา จริงๆ ประโยชน์หลักเลย คือ ช่วยให้การกักเก็บน้ำ ดึงน้ำเข้าสู่ผิว(HUMECTANT) และบางตัวก็ช่วยเคลือบผิว ลดการระเหยของน้ำออกจากผิว(OCCLUSIVE) ได้นะคุณๆ
อย่าง ครีม(CREAM) เนื้อครีมหลังทาก็จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นได้นานกว่า เอสเซนส์ เซรั่ม นะคะ ซึ่งความหนัก ข้น จริงๆก็ขึ้นกับสูตร ปริมาณ OIL มากน้อยแค่ไหนค่ะ แต่ถ้าอย่างในต่างประเทศ เมืองหนาวมากๆ เค้าก็นิยมใช้ BODY BUTTER หรือ BODY OIL กันเลย เพราะมีคุณสมบัติในการเคลือบผิว ลดการระเหยของน้ำออกจากผิว (OCCLUSIVE) นั่นเองนะ แต่เมืองไทยเมืองร้อนบ้านเรา ก็ไม่น่าจะนิยมเท่าไหร่เนอะ หนัก เหนอะผิวด้วย 

3. เพิ่มการออกฤทธิ์ของสารสำคัญ

แมสก์เป็น PHYSICAL OCCLUSIVE ทำให้คงความชุ่มชื้นที่ผิวได้ดี เพิ่มการซึมของสารบางตัว หรือแม้กระทั่งยา STEROID แบบทาในรูปแบบครีมกับขี้ผึ้งก็ออกฤทธิ์ได้แรงต่างกัน ทั้งที่เป็น STEROID ตัวเดียวกัน ความเข้มข้นเท่ากันเป๊ะๆ โดยที่แบบขี้ผึ้งจะทำให้ยาซึมได้ดีกว่าครีมนะคะ

เพราะฉะนั้นก่อนเลือก DOSAGE FORM แบบไหน ก็เลือกที่เหมาะกับผิวตัวเอง กับสภาพอากาศที่เราอยู่จะได้ประโยชน์สูงสุดนะ และที่สำคัญอย่าลืมเช็คฉลากดูส่วนผสมสำคัญก่อนซื้อ ประกอบคำโฆษณาก่อนซื้อทุกครั้งด้วยนะคุณๆ ส่วนคุณๆ คนไหนมีคำแนะนำ หรือทริคดีๆ ในการเลือกซื้อครีม สกินแคร์เพิ่มเติม ก็สามารถมาคอมเมนต์เม้าท์มอยกันได้นะ  

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ