เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 15491

2023-06-26 13:00

(กูรูเช็ค) รีวิว เปรียบเทียบ 5 คอลลาเจน บำรุงกระดูก ข้อเข่าเสื่อม ปวดกระดูก

กูรูเช็ค

คอลลาเจนบำรุงกระดูกไม่ใช้ว่าจะกินยังไงก็ได้ เค้ามีหลักการเลือกที่กินแล้วคุ้ม ให้ดูที่ประเภทของคอลลาเจนเนอะ ให้ดูที่คอลลาเจน TYPE II เป็นคอลลาเจนที่เน้นสร้างกระดูกและข้อต่อ จะมีลักษณะแข็งกว่าคอลลาเจนประเภทอื่น เนื่องจากมีแร่ธาตุมาเกาะทำให้เหมาแก่การบำรงกระดูกเนอะ  
โดยตัว COLLAGEN TYPE II จะมี 2 ชนิดด้วยกัน ที่เราจำเป็นต้องทาน 
1. UC-II(UNDENATURED COLLAGEN TYPE II)  จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นคอลลาเจนที่ไม่ทำลายโครงสร้าง มีครบสมบูรณ์ และใกล้เคียงกับคอลลาเจนของร่างกาย ปริมาณที่ต้องการ คือ 40 mg/วัน
2. HACP(HIGH ADVANCE COLLAGEN TRIPEPTIDE) เป็นคอลลาเจนที่ได้จากนวัตกรรมประเทศญี่ปุ่น จะมีน้ำหนัก/ขนาดโมเลกุลที่เล็กมาก การดูดซึมจะยิ่งดีขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างกรดไฮยาลูโรนิคได้ ตรงนี้มาช่วยเติมน้ำให้ข้อเข่า รวมถึงสามารถคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวได้ดีกว่าคอลลาเจนทั่วไป อันที่จริง ปริมาณ 500 mg/วัน ก็เพียงพอแล้วนะคะ

1. WELL U COLLAGEN(เวล ยู คอลลาเจน)

เป็นแบรนด์ที่ใส่สารสำคัญมาหลายตัว และมีคอลลาเจนขนาดเล็กมา 2 ตัว คือ
1.COLLAGEN TRIPEPTIDE เป็นคอลลาเจนที่มีขนาดเล็กกว่าคอลลาเจนทั่วไป ใส่มาถึง 4,750  mg 
2.COLLAGEN DIPEPTIDE ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เร็ว ขนาดเล็กสุดในตอนนี้แล้วเนอะ ในสูตรนี้เขาใส่มา 250 mg 
นอกจากนี้ในสูตรก็ใส่สารสกัดตัวอื่นๆมาเสริมการทำงานของกระดูกอย่าง
• SODIUM ASCORBATE มาช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• สารสกัดจากเห็ดหูหนูขาว ที่มี HYALURONIC ACID ที่มาช่วยในเรื่องน้ำไขข้ออีกด้วยนะคะ 
      
ข้อดีของคอลลาเจน :
• มีสารสกัดที่หลากหลาย เน้นตอบโจทย์ทั้งปัญหาผิว และกระดูก ข้อเข่า แต่เค้าไม่ได้ระบุ TYPE ของคอลลาเจนนะคะ 
• ปริมาณคอลลาเจนค่อนข้างโอเค
ข้อเสียของคอลลาเจน :
• ไม่ได้ระบุถึงเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เช่น การล็อคการเรียงตัวของกรดอะมิโน คือทำให้ไม่รู้ว่าดูดซึมไปใช้ที่จุดไหน แต่น่าจะเอาไปใช้หลายจุด ผิว ผม เล็บ กระดูก
• มีกลิ่นคาวเล็กน้อย 
เหมาะกับ :
• คนที่มีปัญหาเรื่องผิวเป็นหลัก ไม่ได้เน้นกระดูก ข้อ โดยตรง เช่น ผิวแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น เป็นขุย 
• ผมขาดร่วงก็ทานได้ แต่แนะนำให้ทาน 2 serving /วัน
ราคา :
1 กระป๋อง ชงได้ 20 serving  ราคา  990 บาท(50 บาท/ serve) 

2. BLUEZONE UC-II PLUS COLLAGEN TRIPEPTIDE(บลูโซน ยูซีทู พลัส คอลลาเจน ไตรเปปไทด์)

เป็นแบรนด์ของคุณหมออัฐ จากช่องอย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ คุณๆน่าจะพอคุ้นอยู่เนอะ
จุดที่น่าสนใจคือ สูตรนี้เค้าทำออกมาในรูปแบบแคปซูล เพื่อสะดวกต่อการทาน และพกพาง่าย  โดยใช้นวัตกรรม HACP ที่ทำให้ขนาดของคอลลาเจนมีขนาดเล็กมาก ดูดซึมได้เร็ว สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างกรดไฮยาลูโรนิค ในการบำรุงน้ำข้อเข่าได้ตรงจุด

โดยสารACTIVE หลักที่ใส่มาแคปซูลนี้ ก็จะมี 
1. HACP( HIGH ADVANCE COLLAGEN TRIPEPTIDE) จากคอลลาเจนไตรเปปไทด์เพียวๆ ปริมาณ 500 mg ที่เป็น HACP คือมีการล็อคการเรียงตัวของคอลลาเจนทำให้มีขนาดเล็ก ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าคอลลาเจนทั่วไป มีขนาดเล็กเพียง 140 นาโนเมตร 
ซึ่งตามงานวิจัยเค้าบอกเกี่ยวกับตัว HACP ไว้ว่าช่วยเพิ่มการสร้างไฮยาลูโรนิคในข้อได้ ลดอาการปวดบริเวณข้อ และเสียงดังกร๊อบแกร๊บ ถ้าดูจากงานวิจัยเค้าทดลอง HACP 500 mg ถึงจะเห็นผล ซึ่งถ้าดูจากสูตรนี้เค้าใส่มา 550 mg มากกว่างานวิจัยนิดหน่อย แสดงว่าปริมาณโอเคเลยนะคุณๆ (อ้างอิง
ที่สำคัญสูตรนี้เค้ามีการเรียงตัวของคอลลาเจนแบบ gly-x-y  มากกว่า 15% เพื่อให้สารสำคัญเข้าสู่กลุ่ม target cell บริเวณกระดูกและข้อต่อได้ดี (อ้างอิง

2. UC-II(UNDENATURED COLLAGEN TYPE II) เป็นคอลลาเจนที่ยังคงโครงสร้างที่สมบูรณ์ใกล้เคียงกับ COLLAGEN TYPE II ที่มีในร่างกาย จุดสำคัญคือ ทานเพื่อป้องกันการทำลายของคอลลาเจนในข้อและกระดูก โดยปริมาณที่แนะนำ 40 mg/วัน ซึ่งตรงกับงานวิจัยเลยนะคะ (อ้างอิง

ในส่วนสาร ACTIVE อื่นๆที่เสริมการทำงานของกระดูก ก็จะมี 
• VITAMIN K2 ที่ใส่มา 75 mcg  ตัว VITAMIN K2 มีหลายฟอร์มเยอะมาก ซึ่งทางแบรนด์ เค้าใส่มาในรูปแบบ mk7 ซึ่งดีกว่า mk4 จะมีประสิทธิภาพดีกว่า สามารถทานแค่วันละครั้งก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องทานเช้า กลางวัน เย็น เหมือนกับตัว MK4 เนอะ มาช่วยเพิ่มฤทธิ์การทำงานของเอนไซม์สร้างกระดูก อาหารเสริม บำรุงกระดูก บ้านเรายังค่อยค่อยเจอ K2 นะคะ หากินยาก
•  VITAMIN D3 เสริมการสร้างกระดูกใหม่ เพิ่มการสะสมแคลเซียมในกระดูก 

ข้อดีของคอลลาเจน :
• ได้รับปริมาณคอลลาเจน + สารสำคัญที่เพียงพอกับร่างกาย ตามงานวิจัย ไม่เหลือขับทิ้ง เสียดายของ 
• ทานง่าย พกพาสะดวก 
• มี VITAMIN K2 ถือว่าในไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมาก แต่นิยมมากในฝั่งยุโรป เพื่อเสริมฤทธิ์การทำงานของการสร้างเซลล์กระดูกใหม่ 
• เป็นคอลลาเจน HACP และ UC-II ทำให้เค้าสู่เซลล์เป้าหมายได้อยากตรงจุด เน้นกระดูกและข้อโดยเฉพาะเลย
ข้อเสียของคอลลาเจน :
• คนที่ไม่ชอบทานแคปซูล / เม็ด อาจไม่สะดวกทาน
เหมาะกับ :
• คนที่เดินทางบ่อย สามารถพกพาได้ ไม่ต้องชงกับน้ำ
• ตัวเปลือกแคปซูล เป็น VEGGIE CAP มังสวิรัติสามารถทานได้
• ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถทานได้ 
ราคา : 
1 กระปุก มี 30 แคปซูล  ราคา 1390 บาท(46 บาท/แคปซูล)

3. VITAGENE FORTIGEN(วิตาจิเน่ ฟอร์ติเจน)

จุดเด่นของเค้าคือ ใช้คอลลาเจนจาก BIOACTIVE COLLAGEN PEPTIDES®(BCP) ลิขสิทธิ์ จาก GELITA ประเทศเยอรมัน เน้นออกฤทธิ์ไปเสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของกระดูกข้อต่อโดยเฉพาะ โดยมีขนาดโมเลกุลเล็กมาก เพียง 3 kDa(3,000 Da) มี % ของกรดอะมิโน PROLINE และ GLYCINE ที่สูง สามารถถูกดูดซึมได้เร็ว และสามารถไปช่วยเสริมสร้างเซลล์กระดูกอ่อนได้นะคะ
โดยสารหลักของเค้า คือ 
1. SHARK CARTILAGE POWDER กูรูเช็คว่าเป็นส่วนผสมที่น่าสนใจ เพราะกระดูกอ่อนจากฉลาม ประกอบไปด้วยสารออกฤทธิ์ที่ช่วยเรื่องกระดูก อย่าง 
• CALCIUM 
• GLUCOSAMINE SULFATE 
• CHONDROITIN SULFATE 
และกระดูกอ่อนจากฉลาม ยังมีรายงานที่พูดถึงฤทธิ์ในการลดอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ด้วยนะคะ(RHEUMATOID ARTHRITIS)
    
นอกจากนี้สารสกัดอื่นที่ใส่มาเสริมก็จะมี 
• CALCIUM 
• VITAMIN D
ก็จะไปช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก 
• TURMERIC POWDER(ผงขมิ้นชัน) และ PASSION FRUIT POWDER(ผงเสาวรส) ที่มาช่วยในเรื่องของการต้านการอักเสบของข้ออีกนะคุณๆ

ข้อดีของคอลลาเจน :
• เน้นตอบโจทย์เรื่องปัญหากระดูก และข้อ โดยเฉพาะ จากสารสำคัญที่ใส่มา ลดการอักเสบข้อได้
• พกพาง่าย
ข้อเสียของคอลลาเจน :
• ราคาสูง
• ขนาดคอลลาเจน ไม่ใช่แบบ HACP หรือ UC-II อาจต้องทานแคลเซียมเสริมเข้าไปด้วย
• ไม่เน้นการเติมน้ำในข้อ คนที่ข้อฝืด เสียงดังกร๊อบแกร๊บต้องใช้เวลา แต่ลดปวดได้
เหมาะกับ :
• เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องกระดูก และปวดข้อ
• ทานได้ทุกช่วงวัย แต่มี LACTOSE คนแพ้แลคโตส พร่องเอนไซม์ย่อย LACTOSE และแพ้ผลิตภัณฑ์จากปลา ก็อาจต้องเลี่ยงนะคะ
ราคา : 
1 กล่อง 15 ซอง ราคา 1590 บาท(106 บาท/ซอง)

4. COLLAWELL(คอลลาเวล)

เป็นคอลลาเจนที่เค้าเลือกมาใช้ในสูตรเป็น HYDROLYTED COLLAGEN TYPE II สายสั้น ดูดซึมเร็ว จากเยอรมนีนะคุณๆ 
ในสูตรนี้เค้าใส่สารประกอบมาแค่ 1 ตัวนะ คือ
1. HYDROLYTED COLLAGEN TYPE II เป็น HACP คล้ายกับของ BIUZONE ใส่มาปริมาณ 10,000 mg ถือว่าเยอะพอสมควรเลย น่าจะไปช่วยเรื่องผิวได้ด้วย    

ข้อดีของคอลลาเจน :
• ใช้คอลลาเจน HACP ที่มีขนาดเล็ก ดูดซึมเร็ว 
ข้อเสียของคอลลาเจน :
• ปริมาณคอลลาเจนต่อซองค่อนข้างเยอะเกิน ถ้าอ้างอิงตามงานวิจัย ถ้าลดคอลลาเจนลง และไปเติม  active อื่น จะช่วยได้ครอบคลุมขึ้น
• ไม่มีสารสำคัญอื่นๆมาช่วยเรื่องกระดูก ข้อต่อ มีแค่คอลลาเจน
เหมาะกับ :
• คนที่มีอาการปวดข้อเข่า ข้อต่อมานาน แต่ถ้ามีอาการเป็นโรคกระดูกพรุน ควรทานแคลเซียมเสริม
ราคา :
1 กล่อง 30 ซอง ราคา 1,090 บาท(36บาท /ซอง)

5. STRONKA(สตรองก้า)

เป็นตัวช่วยแก้ปัญหา และป้องกัน โรคกระดูก ข้อต่างๆ ซึ่งจากสูตรใส่สารหลักๆมา 2  ตัว
1. UC-II เป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 ปริมาณ 40 mg เหมือนกับ BLUEZONE เลยนะ สกัดมาจากกระดูกอ่อนในอกไก่จาก U.S.A ช่วยลดโอกาสการเสื่อมของกระดูกอ่อน และบริเวณข้อต่อตามส่วนต่างๆของร่างกาย   
2. CALCIUM L- THREONATE  ใส่มา 500 mg เป็นแคลเซียมชนิดพิเศษที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ถึง 90% ไม่ทำให้เรามีอาการท้องอืด ช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรงขึ้น คนที่ไม่ชอบทานนมเพื่อเอาแคลเซียม ก็ทานตัวนี้เสริมแทนได้นะ

ส่วนสาร ACTIVE อื่นๆ
• MAGNESIUM เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาไขข้อกระดูก ไม่ให้สึกหรอ  
• BLACK SESAME EXTRACT สารสกัดจากงาดำ ป้องกันการเสื่อมของข้อต่อต่าง ๆ

ข้อดีของคอลลาเจน :
• สารสกัดหลากหลาย + ใส่แคลเซียมเข้ามาด้วย
• ใช้คอลลาเจน UC-II เน้นบำรุงกระดูก
ข้อเสียของคอลลาเจน :
• UC-II สกัดมาจากอกไก่ คนเป็นมังสวิรัติ ควรเลี่ยงสูตรนี้
• ปริมาณสารสำคัญไม่เยอะ แนะนำให้ทาน 2 แคปซูล/วัน คนทานต้องมีงบ
• คนไม่ชอบทานแบบแคปซูล ก็ทานยาก 
เหมาะกับ :
• คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับปวดกระดูก ปวดข้อเข่า ข้ออักเสบ น้ำไขข้อน้อย
ราคา :
1 กล่องมี 30 แคปซูล ราคา 1290 บาท/กล่อง (43 บาท/แคปซูล )

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ


เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

15491

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “