เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 16444

2023-07-07 16:00

(กูรูเช็ค)HOW TO รักษาสิวใช้ BHA AHA เลือกยังไงให้หน้าไม่พัง (SALICYLIC ACID,PHA,LHA)

กูรูเช็ค

สารผลัดเซลล์ในสกินแคร์มีความสำคัญขนาดไหน? ถ้าเช็คที่ส่วนผสมหลายๆแบรนด์ เกิน 50% ก็ใส่สารผลัดเซลล์กันมาเยอะนะ 1 ตัวบ้าง 2 ตัวบ้าง แล้วต้องเลือกใช้สูตรที่มีสารอะไรที่มันอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง หรือใช้ตัวไหนแล้วดีต่อผิว ในเมื่อมันเป็นสารผลัดเซลล์เหมือนกัน จริงๆสารผลัดเซลล์เค้ามีหลายกลุ่มนะคุณๆ ขึ้นอยู่กับขนาดโมเลกุล วันนี้กูรูเช็คเลยจะพูดถึงเรื่องของสารผลัดเซลล์ตระกูล AHA BHA LHA และ PHA กันนะ

โดยปกติผิวของเรามีรอบผลัดเซลล์อยู่ที่ 28 วันนะ เมื่อไหร่ที่ผิวเราไม่เกิดการผลัดเซลล์หรือผลัดเซลล์ช้า ผลที่ตามมา คือ อุดตัน เกิดขนคุด ผิวหมอง ดังนั้นสกินแคร์บ้านเราที่เจอส่วนใหญ่ เค้าก็จะใส่มาเป็นตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เผยผิวใหม่มาแทน ผิวเราก็จะดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นนั้นเองนะ

บทความนี้กูรูเช็คจะพามาเจาะลึก….ถ้าไม่อยากหน้าพัง ควรรู้ก่อนใช้ สารผลัดเซลล์ตัวช่วยผิวขาวใส AHA BHA LHA และ PHA ต่างยังไง ตัวไหนใช้แล้วไม่ระคายเคือง ผิวเป็นสิวควรเลือกใช้ตัวไหนเหมาะ มาดูกัน!

• สารผลัดเซลล์ผิว AHA BHA LHA PHA

1. AHA (ALPHA HYDROXY ACID) หรือกรดผลไม้
 สารในกลุ่มนี้จะแยกย่อยได้อีก 5 ตัวด้วยกันคือ 
-  GLYCOLIC ACID พบในอ้อย
-  LACTIC ACID พบในนมหรือของที่ต้องหมัก 
-  MALIC ACID พบในแอปเปิ้ล
-  CITRIC ACID พบในผลไม้รสเปรี้ยว
-  TARTARIC ACID  พบในองุ่น

หน้าที่ของ AHA คือ เร่งผลัดเซลล์ให้เร็วขึ้น  ซึ่งในขณะเดียวกันก็เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพิ่มความชุ่มชื้น-ให้ผิวเราด้วย ในกลุ่มนี้ GLYCOLIC ACID จัดว่าเป็นตัวที่ดีที่สุดในหลายๆด้าน 
แล้วถ้าให้พูดถึงตัวที่อ่อนโยนที่สุดของ AHA คงหนีไม่พ้น LACTIC ACID คุณๆคนไหนที่ผิวบอบบางอาจจะต้องพึ่งสารนี้นะ  แถมยังเป็นสารที่ทำสกินแคร์ง่าย สามารถละลายในน้ำได้ ไม่ต้องพึ่งน้ำมันเป็นตัวละลาย 
สำหรับความเข้มข้นของ AHA ที่ใช้ทาได้ทุกวัน ควรจะมีความเข้มข้นอยู่ที่ประมาณ 20% แต่ถ้าจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA เข้มข้นถึง 70 % ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ในกรณีที่มีปัญหาผิวหนังนะคุณๆ(อ้างอิง)

ข้อดีของ AHA
-  ระคายเคืองต่ำ นิยมใช้เป็นตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า(Lactic Acid) ให้ผิวดูกระจ่างใส
-  เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้
-  กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยเล็กๆได้
-  ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
ข้อเสียของ AHA
-  AHA บางตัวไม่เหมาะกับผิวบอบบางระคายเคืองง่าย
-  ไม่แนะนำในคนที่เป็นสิวอักเสบ

2. BHA (BETA HYDROXY ACID)
สกัดจากเปลือกไม้ WILLOW เป็นสารที่ละลายในไขมันได้ เลยทำให้ BHA สามาเข้าไปตามรูขุมขนเพื่อทำความสะอาดได้ เหมาะกับคนที่มีผิวมัน และใช้ในการรักษาสิวอุดตันเป็นหลัก
โดยสารในกลุ่มนี้เค้าจะมี 
-  SALICYLIC ACID ที่เราเจอบ่อยในสกินแคร์นะ  
แล้วก็ที่ไม่ค่อยเจอหรือว่าเจอน้อยเลยก็ว่าได้ อย่าง
-  TROPIC ACID 
-  TRETHOCANIC ACID

BHA เค้าจะต่างจาก AHA ตรงที่ช่วยเรื่องสิวนะคุณๆ มีงานวิจัยได้บอกความสามารถของ SALICYLIC ACID ช่วยฆ่าเชื้อและลดอัตราการเกิดสิวได้ แถมเป็นสารผลัดเซลล์ที่ดีตัวนึงเลยคุณๆ ซึ่งเค้าจะใช้ที่ความเข้มข้น 0.5-10% ในการเป็นสารออกฤทธิ์ลดสิวและ ที่ความเข้มข้น 30% ยังช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าพร้อมลดการอักเสบของสิวได้อีกด้วย(อ้างอิง)

ข้อดีของ BHA
-  ซึมลึกถึงรูขุมขน ช่วยให้ทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี ลดสิวอุดตัน
-  ลดสิวอักเสบ
-  ลดหน้ามัน
-  ช่วยผลัดเซลล์ผิวเพิ่มความกระจ่างใส
-  ออกฤทธิ์ได้ดีตั้งแต่ความเข้มข้นน้อยๆ ไม่ต้องใช้เยอะ ตรงนี้บางสูตรคนที่ระคายเคืองง่ายก็ใช้ได้
ข้อเสียของ BHA
-  ใช้ความเข้มข้นสูงก็ระคายเคืองได้
-  นิยมใช้ในสกินแคร์รักษาสิวมากกว่าผลัดเซลล์ผิว กรณีเน้นผลัดเซลล์ต้องใช้ร่วมกับ AHA

3. LHA (BETA-LIPOHYDROXY ACID)
สารผลัดเซลล์ในกลุ่มนี้เค้าพัฒนามาจากสารในกลุ่มของ BHA อย่าง SALICYLIC ACID นะ คือเรียกง่ายๆว่าเป็นอนุพันธ์ของ SALICYLIC ACID ดังนั้นการออกฤทธิ์เค้าจะคล้ายกันเลยค่ะ 
คุณๆคนไหนใช้ BHA แล้วระคายเคือง สามารถใช้ตัวนี้แทนหรือใช้ร่วมกับ BHA ได้นะ ซึ่งสารในกลุ่มนี้ที่นิยมคือ CAPRYLOYL SALICYLIC ACID นะคุณๆ

ข้อดีของ LHA
-  เหมาะกับคนเป็นสิวทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน
-  เป็นตัวเลือกของคนที่ใช้ BHA แล้วแพ้ระคายเคือง
-  ที่พิเศษกว่า BHA  คือมีรายงานว่ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินและ Hyaluronic acid ด้วย
-  มีรายงานกรณีที่ใช้ Benzoyl peroxide(Benzac) แล้วทนผลข้างเคียงไม่ได้ก็สามารถใช้ LHA แทนได้(ช่วยลดสิวอักเสบและสิวอุดตันได้ใกล้เคียงกัน)
-  ระคายเคืองน้อย
ข้อเสียของ LHA
-  ยังเจอน้อยในกลุ่มของสกินแคร์ 
-  ยังไม่พบรายงานเรื่องลดความมันบนผิว

4. PHA  (Poly Hydroxy Acid)
ทำหน้าผลัดเซลล์ผิวคล้ายกับ AHA และ BHA แต่แตกต่างกันตรงที่ PHA มีโมเลกุลที่ใหญ่กว่า ซึมลงสู่ผิวได้ไม่ดีเท่า AHA และ BHA ทำให้ประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวน้อยเห็นผลช้า  แต่ข้อดีของ PHA คือ มีความระคายเคืองน้อยกว่า เหมาะกับคุณๆ ที่มีผิวอ่อนแอ บอบบางแพ้ง่ายนะ  ซึ่งสารที่เราเจอในกลุ่มของ PHA ก็จะเป็น GLUCONOLACTONE นะ ซึ่งสกินแคร์บ้านเรายังเลือกใช้ไม่เยอะมากนะ 

ข้อดีของ PHA
-  ผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวใส
-  ระคายเคืองต่ำ เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่าย แต่ต้องการใช้สารผลัดเซลล์ ให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
-  กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้
ข้อเสียของ PHA
-  ประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ไม่เท่า AHA BHA

สรุปง่ายๆ สารผลัดเซลล์ผิว AHA BHA LHA PHA AHA : จะช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน PHA : ทำหน้าที่เหมือน AHA แต่ระคายเคืองน้อยกว่า อาจจะเห็นผลช้ากว่าเล็กน้อย BHA : ควบคุมความมัน ลดการเกิดสิวอุดตัน ลดการอักเสบ LHA : ทำหน้าที่เหมือน BHA แต่เด่นเรื่องต้านการเกิดริ้วรอย

• เลือกใช้สารผลัดเซลล์ผิวยังไงให้เหมาะกับผิว

1. ผิวธรรมดา
สามารถใช้สารเร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA BHA ได้ หรือจะใช้สครับด้วยก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรใช้ทั้งสารเร่งการผลัดเซลล์ผิวแล้วตามด้วยการใช้สครับพร้อมกันนะคุณๆ เพราะอาจทำให้ผิวบาง และเกิดการระคายเคืองได้ ที่สำคัญสครับผิวทำแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็พอนะ

2. ผิวแห้ง
ควรใช้เฉพาะสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว AHA เท่านั้น เพราะจะทำงานได้ดีที่สุด และช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆได้ดีขึ้น และห้ามใช้สครับเด็ดขาดนะ เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองได้

3. ผิวมัน
สามารถใช้สารเร่งการผลัดเซลล์ผิวได้ทั้ง AHA และ BHA และใช้สครับได้ด้วยเช่นกัน แต่แนะนำให้ใช้ BHA ดีกว่าเพราะว่าสามารถละลายได้ดีในน้ำมัน และช่วยปรับรูขุมขนให้เล็กลง ควบคุมความมันได้ดีขึ้น แล้วก็ไม่ควรใช้สารเร่งการผลัดเซลล์ผิวร่วมกับสครับพร้อมกันนะ

4. ผิวบอบบางแพ้ง่าย
สามารถใช้สารเร่งการผลัดเซลล์ผิว BHA ที่มีความเข้มข้นน้อยลงและอ่อนโยนต่อผิว เพราะว่าผิวหน้าบอบบางและแพ้ง่าย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองเป็นผื่น หรือเกิดอาการแพ้ได้ง่าย และหลีกเลี่ยงการใช้สครับจะดีที่สุด

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ฝากติดตามข้อมูล  รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

16444

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “