เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 4210

2023-12-19 17:30

(กูรูเช็ค) 3 ข้อผิดพลาดของผู้ประกอบการในการสร้างแบรนด์คอลลาเจน

กูรูเช็ค

1. ทำให้คอลลาเจนขนาดเล็กสุดเพื่อให้ดูดซึมดีที่สุด ดีจริงมั้ย?

    คำกล่าวที่บอกว่ายิ่งเล็กสุดยิ่งดูดซึมได้ดี อาจเป็นจริงสำหรับอาหารเสริมตัวอื่น แต่อาจจะใช้ไม่ได้กับคอลลาเจน ถ้าเราดูที่โครงสร้างจะพบว่าหน่วยย่อยที่สุดของคอลลาเจนก็คือ กรดอะมิโน โดยที่จะมาเรียงต่อกันเป็นโครงสร้าง (G-X-Y)n โดย G คือ ไกลซีน (Glycine) X คือโพรลีน (Proline) และ Y คือไฮดรอกซีโพรลีน (hydroxyproline ; Hyp)  ซึ่งกรดอะมิโนมันก็คือหน่วยย่อยที่สุดของโปรตีนนั่นเอง 
    ดังนั้นจะเห็นว่าถ้าเราใช้ concept นี้คือทำให้เล็กที่สุดเพื่อให้ดูดซึมดีที่สุด ก็จะเกิดคำถามตามมาว่าทำไมเราไม่กินแค่โปรตีนหรือกรดอะมิโน?? เพื่อดูดซึมง่าย เพราะเราจะไม่ได้ประโยชน์ในด้านผิวพรรณเต่งตึง เพิ่มความชุ่มชื้น จากโปรตีนหรือกรดอะมิโนนั้น 
    อยากชวนให้คุณๆ มาดูเพิ่มเติมในส่วนของโครงสร้างและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมคอลลาเจนค่ะ ทั้งในส่วนที่มีขนาดเล็ก Collagen-dipeptide และ Collagen-tripeptide 

    จากรายงานก่อนหน้านี้พบว่า Collagen-dipeptide และ Collagen-tripeptide สามารถดูดซึมได้เลยเป็นบางส่วนโดยไม่ต้องผ่านการย่อยที่กระเพาะอาหารเสียทั้งหมด ซึ่งเมื่อตรวจ plasma levels จะพบว่าคอลลาเจน tripeptide มีการเรียงตัวของกรดอะมิโนเป็น Gly-Pro-Hyp และคอลลาเจน dipeptide ที่มีการเรียงตัวของกรดอะมิโนเป็น Pro-Hyp จะพบการดูดซึมเข้าสู่พลาสมาได้เร็วและมีปริมาณสูงที่สุดเมื่อเทียบกับโครงสร้างรูปแบบอื่น(งานวิจัยจากบริษัทผู้ผลิต)(อ้างอิง)

    ตามรายงานของบริษัทผู้ผลิต Nitta Gelatin Inc. จะเห็นว่าการกินคอลลาเจนส่งผลให้ผิวชุ่มชื้น เพิ่มการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง Fibroblast ในหนู ซึ่งเกิดจากคู่กรดอะมิโน Pro-Hyp และ Hyp-Gly นอกจากนี้ collagen dipeptide ที่เป็นโครงสร้าง Pro‑Hyp จะช่วยในเรื่องลดเลือนรอยแผลเป็นด้วย(อ้างอิง)

    ดังนั้นจากรายงานที่ผ่านมาจะพบว่ากรดอะมิโนที่มาเรียงต่อกันเป็นคอลลาเจนที่จะช่วยเรื่องผิว ก็จะมี Glycine, Proline และอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Proline นั่นคือ Hydroxyproline ถ้าเราจะเน้นเรื่องการตลาดเกี่ยวกับผิว คอลลาเจนของเราก็ควรมีกรดอะมิโนเหล่านี้เพื่อเข้าไปเสริมสร้างเป็นองค์ประกอบคอลลาเจนที่จะไป target ที่ผิวได้โดยตรง การทำให้คอลลาเจนขนาดเล็กที่สุดจนกลายเป็นกรดอะมิโนเดี่ยวๆ อาจไม่ได้มีประโยชน์ที่ผิว ที่บอกหลายคนกินคอลลาเจนแล้วไม่ได้ผลอาจเป็นเพราะคอลลาเจนนั้นไม่ไป target ที่ผิว
    ควรทำให้คอลลาเจนดูดซึมได้ดีแต่ยังคง characteristics ของคอลลาเจนยังคงอยู่ อย่าให้เล็กจนเป็นกรดอะมิโนเดี่ยวๆ เพราะกรดอะมิโนเหล่านั้นจะไม่ได้ไปทำหน้าที่เหมือนคอลลาเจน ซึ่งบริษัทวัตถุดิบที่ทำเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ดีมักมาจากทางประเทศญี่ปุ่น เช่น NITTA GELATIN INC., NIPPI หรือเทคโนโลยีชื่อดังในไทยที่มีในตอนนี้คือ FIR (Far Infrared) ที่ทำให้คอลลาเจนดูดซึมได้ดีขึ้น

2. อย่าโฟกัสแค่ที่ปริมาณคอลลาเจนอย่างเดียว ให้แข่งที่เทคโนโลยีด้วย

    คุณสมบัติของคอลลาเจนที่เรารู้จักกันทั่วไปคือช่วยลดริ้วรอย บำรุงข้อกระดูก ที่เราจะเจอกันเยอะ เจ้าของแบรนด์ต้องหาลูกเล่นและงานวิจัยใหม่ๆ ให้คอลลาเจนน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น คอลลาเจน 2 แบบที่ Gurucheck เพิ่งอัปเดตข้อมูลมา

ยกตัวอย่างคอลลาเจนที่ใช้ CARTIDYSS® เช่น Mizumi Bomi Gold Di Collagen Plus Calcium 100 g ที่มีการเติม collagen type II CARTIDYSS® 500 mg และ collagen dipeptide 3,314 mg จึงช่วยทั้งเรื่องบำรุงผิวและบำรุงข้อกระดูก

2.1. CARTIDYSS® 
        เป็น collagen type II ที่มี Glycosaminoglycans หรือ GAGs เป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ สกัดจากกระดูกอ่อนของปลาทะเล ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของข้อต่อ กระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่ง GAGs เป็นอนุพันธ์โปรติโอไกลแคนธรรมชาติ มีความเป็นขั้วสูงจึงดึงดูดน้ำได้ดี มักใช้เป็นสารหล่อลื่นในร่างกาย ช่วยเพิ่มระดับของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดข้อ และข้อยึดได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น

ยกตัวอย่างคอลลาเจนที่ใช้ UC-II® เช่น SORWOR UC-II® Collagen Complex เป็นคอลลาลาเจนที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของข้อ

    นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Collagen type II อีกตัวคือ UC-II®  (Undenatured Collagen Type II) หรือ collagen type II ที่ไม่ถูกแปรสภาพที่ผลิตขึ้นภายใต้สิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐอเมริกา สกัดจากกระดูกอ่อนส่วนอกของไก่ ภายใต้อุณหภูมิต่ำ และไม่ใช้เอนไซม์ ทำให้ได้คอลลาเจนที่ไม่เสื่อมสลาย คงสภาพสมบูรณ์ และโครงสร้างคอลลาเจนใกล้เคียงกับที่พบในกระดูกอ่อนของคนเรา มีรายงานว่า UC-II ช่วยปรับปรุง monosodium iodoacetate (MIA) ที่เป็นตัวการทำให้เกิดโรคข้อกระดูกอ่อนเสื่อมในหนูได้(อ้างอิง)

ยกตัวอย่างคอลลาเจนที่ใช้ white collagen เช่น Naked Collagen เป็นคอลลาเจนที่มี Rho GTPase activating protein เป็นองค์ประกอบ ช่วยยับยั้งกลไกการขนส่ง melanin ขึ้นไป keratinocyte ทำให้ลดการสร้างจุดด่างดำลง

2.2. White collagen
    White collagen ประกอบด้วย collagen peptide 8 ชนิด และมี Rho GTPase activating protein เป็นองค์ประกอบ เป็นคอลลาเจนตัวแรกที่มีงานวิจัยเรื่องการช่วยลดเม็ดสีผิว ทำให้ผิวขาวใสขึ้น ซึ่งโดยปกติคอลลาเจนมีฤทธิ์ช่วยเสริมความยืดหยุ่นของผิว แต่ปัจจุบันพบว่า White collagen มีส่วนช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวนั่นคือการมี activity ของ Rho GTPase ซึ่งจะมีกลไกช่วยยับยั้งการขนส่งเม็ดสี Melanin ขึ้นสู่ผิวหนังด้านบน ทำให้เม็ดสีดำ รอยดำที่ผิวเราเกิดน้อยลงได้

3. คอลลาเจนไม่ใช่ active Hero ที่ยืนหนึ่งอีกต่อไป

เมื่อคอลลาเจนไม่ได้ยืนหนึ่งอีกต่อไป เทรนด์ปี 2024 ต้องเสริม active hero ตัวไหนเข้าไปในสูตรของผลิตภัณฑ์ถึงจะเพิ่มจุดเด่น Gurucheck จึงเสนอ active compound ที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มจุดเด่น เสริมฤทธิ์ลดริ้วรอย ให้ผิวสุขภาพดี ในผลิตภัณฑ์คอลลาเจน
Active compound ที่ส่งผลต่อ Telomere
    เทโลเมียร์ (Telomere) คือส่วนที่อยู่บริเวณปลายสุดของโครโมโซม หรือปลายสายของดีเอ็นเอ ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับรหัสพันธุกรรมในดีเอ็นเอขณะที่เซลล์ในร่างกายทำการแบ่งตัว ทุกครั้งที่เซลล์มีการแบ่งตัวเทโลเมียร์จะหดสั้นลงเรื่อยๆ เซลล์จะถูกผลักดันให้เข้าสู่ภาวะแก่ตัว (Senescence) ถึงเซลล์จะยังคงมีชีวิตอยู่ การที่เทโลเมียร์หดสั้นลงจึงเกี่ยวข้องกับ Aging
    ดังนั้นก็มีการพยายามหา active compound ที่มีคุณสมบัติยับยั้งหรือชะลอการหดตัวของเทโลเมียร์ หนึ่งในนั้นก็คือสารสกัด Astragalus จากสมุนไพรปักคี้ที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าความสามารถในการช่วยยืดอายุและชะลอการเสื่อมของเซลล์ หรือก็คือช่วยชะลอการหดสั้นของเทโลเมียร์โดยเพิ่ม telomerase activity ทำให้มีคุณสมบัติ anti-aging(อ้างอิง)

ก็มีหลายๆ บริษัททำการวิจัย หนึ่งในนั้นคือ Telos 95® ที่เป็นสารลิขสิทธิ์ที่หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รางวัลโนเบล ทำ Lab ผลิตขึ้นมาเพื่อรักษาส่วนปลายของเทโลเมียร์ไว้ให้สมบูรณ์ที่สุดทุกครั้งที่แบ่งตัว ซึ่งก็มีแบรนด์ที่เริ่มนำสารลิขสิทธิ์ตัวนี้มาร่วมกับคอลลาเจน เพื่อเพิ่ม active compound ในเรื่อง anti-aging เช่น Collar Pro TELOS C+ 96

หรือนวัตกรรม TeloAge ที่ชะลอวัยผ่านทางกลไกของการชะลอการหดสั้นลงของสายเทโลเมียร์ เป็นการซ่อมแซมลึกระดับดีเอ็นเอเพื่อช่วยชะลอวัย โดยการนำสารสกัดจากธรรมชาติที่เข้มข้นต่างๆ ซึ่งมีงานวิจัยรองรับว่าออกฤทธิ์ได้ลึกถึงระดับ DNA และมีผลต่อการปกป้องกันการหดสั้นลง หรือช่วยคงความยาวของสายเทโลเมียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็มีแบรนด์ที่เริ่มนำสารลิขสิทธิ์ตัวนี้มาร่วมกับคอลลาเจน เพื่อเพิ่ม active compound ในเรื่อง anti-aging เช่น Vene' veneka Vicenza all in one FIR

    ปีนี้คอลลาเจนยังมาแรงก็จริง แต่ถ้าเทรนด์ปีหน้าแค่คอลลาเจนอย่างเดียวอาจไม่น่าสนใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อผู้ประกอบการที่ทำผลิตภัณฑ์คอลลาเจนจะต้องเข้าใจรูปแบบของคอลลาเจนเพื่อเพิ่มการดูดซึมที่ผิวหรือข้อกระดูก การทำแบรนด์ให้ beyond คอลลาเจน หรือแม้แต่การหา active compounds ต่างๆ มาช่วยเพิ่มความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้ นอกจากนี้กูรูเช็คยังได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคอลลาเจจนเพื่อผู้ประกอบการควรรู้ คลิ๊ก!!คัมภีร์รวมข้อมูลคอลลาเจน

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ   ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

4210

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “