Views 5143
2024-03-25 10:30
(กูรูเช็ค) ไขข้อสงสัย น้ำมันปลา อาหารเสริมที่ทุกคนควรกิน ดีจริงหรือแค่กระแส
น้ำมันปลา หรือ ฟิชออยล์(Fish Oil) อุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ร่างกายเราไม่สามารถสร้างเองได้ จึงเป็นอาหารเสริมอีกอย่างนึงที่ผู้คนให้ความสนใจเนอะ แต่ประโยชน์ของน้ำมันปลานั้นจะมีอะไรบ้าง ดีจนต้องมีติดบ้านไว้เลยหรือเปล่า มาดูกันค่ะ
น้ำมันปลา หรือ ฟิชออยล์(Fish Oil) คือ น้ำมันที่สกัดมาจากส่วนหนัง เนื้อ หัว และหางปลาทะเล นิยมใช้เป็นปลาทะเลน้ำลึกเขตหนาวนะคุณๆ ซึ่งในน้ำมันปลาก็อุดมไปด้วย โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งมีไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ 2 ตัว ก็คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย และร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้นะคุณๆ จึงต้องได้รับจากการทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเท่านั้น
น้ำมันปลา กับ น้ำมันตับปลา เหมือนกันมั้ย?
ไม่เหมือนกันค่ะ ทั้ง 2 ตัว มีส่วนประกอบของ Omega-3, EPA และ DHA เหมือนกัน แต่ในน้ำมันตับปลา ที่สกัดมาจากตับปลา มีปริมาณ Omega-3 น้อยกว่าในน้ำมันปลา แต่มีวิตามินเอ และวิตามินดีสูง ส่วนประกอบไม่เหมือนกัน ประโยชน์ก็ต่างกันด้วยค่ะ
จากรายงานพบว่า EPA และ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ (อ้างอิง)
ประโยชน์ของ EPA และ DHA
• EPA(Eicosapentaenoic Acid) : ส่วนประกอบสำคัญใน Omega-3 จะเด่นทางด้านระบบหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยลดและควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด นอกจากนี้ EPA ยังช่วยลดสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบบริเวณข้อต่างๆ ทำให้ลดอาการปวดบวมอักเสบบริเวณข้อได้ค่ะ
• DHA(Docosahexaenoic Acid) : ส่วนประกอบสำคัญใน Omega-3 จะเด่นทางด้านสมองและสายตา ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีมากที่สุดในเซลล์สมองและเซลล์ประสาทตา ช่วยกระตุ้นการทำงานของโปรตีน โรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นเซลล์ในจอประสาทตาที่ทำหน้าที่รับแสง และลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นได้
จากรายงานพบว่า โอเมก้า-3 สามารถรักษาหรือป้องกันโรคข้ออักเสบได้ และอาจลดการทำงานของโรคในโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้(อ้างอิง)
• บรรเทาอาการข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์
ช่วยลดการอักเสบบริเวณข้อต่างๆ ทำให้ลดอาการปวดบวมอักเสบบริเวณข้อ เพราะฉะนั้นการทานน้ำมันปลาเป็นประจำจึงช่วยลดอาการอักเสบของภาวะข้อเสื่อมและข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
• ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
ป้องกันการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดไม่เกาะตัวกันเป็นลิ่ม
• การลดระดับความดันโลหิตสูง
กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดไขมันในเลือด และปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดโดยป้องกันการอุดตันในหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง ทำให้มีสุขภาพดีขึ้น
• ช่วยบำรุงสายตา
น้ำมันปลาช่วยให้ต่อมไขมันที่เปลือกตา(Meibomian gland) ผลิตไขมันมาเคลือบบริเวณดวงตาสามารถทำงานได้ดี ส่งผลให้น้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาไม่ระเหยเร็วจนเกินไป จึงช่วยลดอาการแสบตาและตาแห้งได้(อ้างอิง)
• ช่วยบำรุงสมอง
มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรืออาการสมองเสื่อมได้ เนื่องจาก DHA ช่วยส่งเสริมกากรทำงานของเซลล์สมอง ช่วยชะลอการเสื่อมตัวของสมอง ซ่อมแซมผ่านการส่งสัญญาณ NEUROTROPIC หรือสัญญาณประสาท ลดโอกาสเกิดความจำเสื่อม (อ้างอิง)
• ช่วยบำรุงหัวใจ
EPA ช่วยลดและควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
1. แหล่งที่มาของปลา ควรเลือกปลาที่เป็นปลาทะเลน้ำลึก อย่างปลาแองโชวี่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เพราะมีสิ่งแวดล้อมและอาหารที่เหมาะสมแก่การสร้างโอเมก้า-3 ในเนื้อปลา ทำให้มีปริมาณโอเมก้า-3 สูง
2. ดูปริมาณของ EPA และ DHA อย่าดูแต่ปริมาณ Omega-3 บนฉลากนะคุณๆ อย่างเช่น ใน 1 เม็ด มีน้ำมันปลา 1,000 mg ต้องมีสัดส่วนปริมาณ EPA : DHA เป็น 3 : 2 หรือถ้าให้ดีควรมีปริมาณรวมกันได้ 500 mg ขึ้นไปนะคะ หากปริมาณEPA DHA ต่อเม็ดน้อย นั่นหมายความว่า นอกจากเราจะต้องทานหลายเม็ดต่อวันแล้ว ที่เหลือคือไขมันชนิดอื่นปนมานั่นเอง ซึ่งก็อาจมี Triglycerides รวมอยู่ด้วย แทนที่จะลดกลับทำให้ไตรกลีเซอร์ไรด์สูงขึ้นไปอีก
3. มีส่วนผสมของวิตามินอี Omega-3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว จึงทำให้สลายตัวได้ง่าย ซึ่งวิตามินอี นอกจากจะเป็นสาร Antioxidant แล้ว ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของ Omega-3 ไม่ให้เสื่อมคุณภาพค่ะ
4. ดูข้อควรระวัง / ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร ส่วนใหญ่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา มักจะมีคำเตือน เช่น
• ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ปลาทะเล :
เนื่องจากน้ำมันปลา สกัดมาจากปลาทะเล จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเลเนอะ
• ควรระวังในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือแอสไพริน :
ตัว EPA กับ DHA ในน้ำมันปลา และ แอสไพริน ต่างก็มีคุณสมบัติสามารถยับยั้งการแข็งตัวของเลือดได้ทั้งคู่ ส่งผลให้เมื่อคุณๆเลือดออก เลือดก็จะหยุดไหลช้าลงนั่นเองค่ะ หากต้องการรับประทานยาน้ำมันปลาร่วมกับแอสไพรินก็สามารถทานได้ค่ะ แต่คงต้องระมัดระวังปริมาณในการรับประทาน และการเกิดเลือดออกค่ะ(อ้างอิง)
เหมาะสำหรับ : คุณๆที่ต้องการบำรุงสุขภาพในด้านลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอลเลสเตอรอลรวม บำรุงสมอง ช่วยความจำ พร้อมลดอาการปวดจากโรคที่เกี่ยวกับข้อ
ราคา : 200 บาท 45 แคปซูล
สารสำคัญของ VISTRA Salmon Fish Oil
Fish Oil 1,000 mg ประกอบไปด้วย Provide Omega-3 350 mg โดยมี
• EPA 180 mg และ DHA 120 mg
• Vitamin E : มาช่วยเป็น Antioxidant พร้อมเสริมประสิทธิภาพของ Omega-3 ไม่ให้เสื่อมคุณภาพ
เหมาะสำหรับ : คุณๆที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ข้อเข่าไม่ดี ต้องการบำรุงสมองและสายตา หรือผู้ที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
ราคา : 920 บาท 60 แคปซูล
สารสำคัญของ Maxx Omega 3
Fish Oil 1,000 mg ประกอบไปด้วย Omega-3 600 mg โดยมี
• EPA 350 mg และ DHA 250 mg
เหมาะสำหรับ : คุณๆที่ต้องการบำรุงด้านสมองและสายตา ผู้มีปัญหาคลอเรสเตอรอลสูง ผู้มีปัญหาปวดข้อเสื่อมรูมาตอยด์
ราคา : 380 บาท 30 แคปซูล
สารสำคัญของ Blackmores Fish Oil
Fish Oil 1,000 mg ประกอบไปด้วย Omega-3 300 mg โดยมี
• EPA 180 mg และ DHA 120 mg
• Vitamin E : มาช่วยเป็น Antioxidant พร้อมเสริมประสิทธิภาพของ Omega-3 ไม่ให้เสื่อมคุณภาพ
เหมาะสำหรับ : คุณๆที่อยากบำรุงเรื่องหัวใจ ความดันโลหิตสูง ข้อเข่าไม่ดี ต้องการบำรุงสมองและสายตา หรือผู้ที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
ราคา : 3,200 บาท 180 แคปซูล
สารสำคัญของ Ultra Omega-3
Fish Oil 1,000 mg ประกอบไปด้วย
• EPA 500 mg และ DHA 250 mg
เหมาะสำหรับ : คุณๆที่อยากบำรุงเรื่องสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โรคจอประสาทตาเสื่อม ป้องกันข้ออักเสบรูมาตอยด์
ราคา : ประมาณ 700-800 บาท 120 แคปซูล
สารสำคัญของ Life Extension Mega EPA/DHA
Fish Oil 1,200 mg ประกอบไปด้วย
• EPA 720 mg และ DHA 480 mg
• Vitamin E : มาช่วยเป็น Antioxidant พร้อมเสริมประสิทธิภาพของ Omega-3 ไม่ให้เสื่อมคุณภาพ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Omega-3 หรือ น้ำมันปลา มีกรดไขมันที่สำคัญ 2 ชนิด คือ EPA ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ และ DHA ช่วยเกี่ยวกับพัฒนาการของสมองและจอประสาทตา
สามารถทานเพื่อป้องกันหรือลดความเสี่ยงได้ แต่ไม่เหมาะสำหรับการรักษาโรค ดังนั้นหากคุณๆจะเลือกทานน้ำมันปลาสักตัว ควรเช็คปริมาณของ EPA และ DHA ด้วยนะคะ
ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ
(สำหรับติดต่อโฆษณา)
“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “