หลายๆคนมักจะเข้าใจผิดว่าน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาเนี่ยเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วมันไม่เหมือนกันนะคุณๆ น้ำมันตับปลา จะอุดมไปด้วย วิตามินเอ และวิตามินดี ส่วนน้ำมันปลา หรือว่า FISH OIL ให้สารที่สำคัญกับร่างกาย คือ OMEGA-3 ไปช่วยเสริมสร้างร่างกายในหลายๆส่วน ได้มากกว่าการทานน้ำมันตับปลาค่ะ

ส่วน OMEGA-3 คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่ง  จัดเป็นไขมันจำเป็นสำหรับร่างกาย (ESSENTIAL FATTY ACID)  เพราะว่าร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ตามธรรมชาติ เราจะต้องรับประทานเสริมเข้าไปเท่านั้น

กรดไขมันโอเมก้า-3 ก็จะแบ่งเป็น 2 ชนิดที่คุณๆน่าจะคุ้นหูกันดี ก็คือ 
1. DHA (DOCOSAHEXEANOIC ACID) 
จะพบเป็นส่วนประกอบของเซลล์สมองและจอประสาทตา มีหน้าที่สำคัญในการทำงานของระบบประสาท, สมอง และดวงตา ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับสมอง เช่น ความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์  
2. EPA(EICOSAPENTAENOIC ACID) 
ที่ทำหน้าที่หลักในระบบของหัวใจและหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการลดระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และช่วยเรื่องการดูแลข้อต่อ ลดการอักเสบนะ

OMEGA-3 เป็นตัวที่มีงานวิจัยที่ค่อนข้างแพร่หลายอีกตัวนึงเลยนะคุณๆ เรียกได้ว่าประโยชน์ของ OMEGA-3 แทบจะบำรุงสุขภาพร่างกายทุกส่วน และเหมาะกับการทานได้ทุกเพศ ทุกวัย  โดยเฉพาะวัยทำงานอย่างเราๆ ที่ทำงานหนัก ใช้ชีวิตเร่งรีบ ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งจำเป็นต้องเสริมเลยนะคะ

ดังนั้นเราต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือของแหล่งวัตถุดิบที่เค้าเอามาสกัดน้ำมันปลา ว่ามีคุณภาพและไม่มีโลหะหนักที่เป็นสารปนเปื้อน เพราะไม่อย่างงั้นแทนที่เราจะได้ประโยชน์กลับได้สารปนเปื้อนเข้าไปแทนนะ นอกจากนี้ก็ต้องมีปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของเราด้วยนะคะ อย่างน้ำมันปลาที่กูรูเช็คเลือกมาเช็คสูตรในวันนี้ คือ

ATOMY ALASKA OMEGA-3 (อะโทมี่ อลาสก้า อี-โอเมก้า 3)

เค้าเป็นสูตรที่ได้รับการรับรองกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และปลอดภัยจาก องค์กรด้านความปลอดภัยและสาธารณสุข (NSF) ได้รับการรับรองว่าปราศจากสิ่งสกปรกหรือสารเคมีปนเปื้อนที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ (HACCP) และได้รับการรับรองมาตรฐาน MSC (Marine Streward Council) เป็นการรับรองจากองค์กรพิทักษ์คุ้มครองสัตว์นํ้าทางทะเล ว่าผลิตภัณฑ์นี้ มาจากการทำประมงแบบยั่งยืน ไม่ทำลายธรรมชาติอีกด้วยนะคุณๆ 

ที่น่าสนใจคือ เค้ามีการใส่ใจทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิตอีกด้วยนะ เพราะเค้าใช้เป็นปลา ALASKA POLLOCK จากทะเลแบริ่ง รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่เริ่มทำการคัดแยกและสกัดนํ้ามันปลาภายใน 1-2 ชั่วโมง เพื่อความสดใหม่ของวัตถุดิบ แล้วค่อยขนส่ง ไปที่โรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในรัฐโอไฮโอ ด้วยรถไฟเฉพาะกิจเลยนะคะ

ใน 1 เม็ด เค้าใส่น้ำมันปลามาถึง 546.865 มิลลิกรัม ประกอบไปด้วยปริมาณ EPA 208 มิลลิกรัม และ DHA 142 มิลลิกรัม รวมแล้วใน 1 เม็ดมี EPA และ DHA รวมกันถึง 350 มิลลิกรัม  ถือว่าค่อนข้างสูงเลยนะคุณๆ เพราะอ้างอิงตามงานวิจัยหลายๆ ฉบับนะคะปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคืออย่างน้อย 250-500 มิลลิกรัมต่อวันนะคะ และสามารถเสริมได้มากถึง 1000 มิลลิกรัมต่อวันโดยไม่มีผลข้างเคียงและไม่เป็นอันตรายค่ะ

ข้อควรระวังในการทานน้ำมันปลา หรือ OMEGA-3 มีอะไรบ้าง? 
อย่างที่พูดไปนะ ว่าเค้าสกัดมาจากปลาทะเล คุณๆที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลา ห้ามรับประทานนะคะ และคุณๆที่มีโรคประจำตัวแนะนำให้ปรึกษาคุณหมอก่อนทานนะ โดยเฉพาะคุณๆที่ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ASPIRIN หรือ WARAFARIN อยู่ ต้องระวังนะคะ ไม่แนะนำให้ประทานนะคะ เพราะว่า OMEGA-3 จะมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด อาจจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกได้นะคุณๆ

ราคา ATOMY ALASKA OMEGA-3 :
ราคาปกติเค้าจะอยู่ที่กล่องละ  810 บาท บรรจุ 180 แคปซูล 
แต่ถ้าเป็นสมาชิก จะเหลือกล่องละ 650 บาท เท่านั้นเองค่ะ
คุณๆ ที่สนใจสามารถหาซื้อหรือสมัครสมาชิกได้ที่ :
Facebook : https://www.facebook.com/atomyofficialthailand 
Ch.Atomy : https://ch.atomy.com/th 
Instagram : https://www.instagram.com/atomyth_official 
Line@ : @atomy_thailand 

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ