เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 5018

2023-12-26 11:00

(กูรูเช็ค) คอลลาเจน รักษาสิวได้จริงไหม? รู้ทัน ก่อนตัดสินใจซื้อ!?

กูรูเช็ค

คุณๆที่ทานคอลลาเจน เคยสงสัยกันมั้ยคะว่า ทำไมบางคนทานคอลลาเจนแล้วสิวหาย บ้างก็ว่าช่วยลดสิว รอยดำรอยแดงจากสิว แต่พอเราทานแล้วก็ไม่เห็นผลในเรื่องสิวเลย วันนี้กูรูเช็คจะพาคุณๆมาหาคำตอบกันค่ะว่าสรุปแล้ว คอลลาเจนสามารถรักษาสิว ลดสิวได้จริงมั้ย 

คอลลาเจนช่วยลดสิวมั้ย ?

    คอลลาเจนสามารถลดโอกาสการเกิดสิวได้ หากมี Active Ingredient ตัวอื่นๆ เข้ามาช่วยค่ะ แต่ไม่สามารถรักษาสิวหรือลดสิวได้โดยตรง ซึ่งปกติแล้วคอลลาเจนมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับเซลล์ผิว ลดความหยาบกร้านของผิว ช่วยให้ริ้วรอยที่เห็นได้ชัดดูจางลงค่ะ 

แล้วทำไมบางคนทานอาหารเสริมคอลลาเจนแล้วสิวหายล่ะ? 
    ก็เพราะว่าอาหารเสริมคอลลาเจนแต่ละตัวเค้าก็ใส่สารสกัดมาแตกต่างกันนะคุณๆ บางแบรนด์เพิ่มสารกัดที่มีความสามารถในการช่วยลดสิวเข้ามาในสูตร ส่งผลให้คุณๆที่ทานคอลลาเจนแบรนด์นั้นเห็นผลในเรื่องสิวกว่าแบรนด์อื่นๆ หรือแบรนด์ที่ใส่เพียงคอลลาเจนตัวเดียวนั่นเองค่ะ

คอลลาเจน(Collagen) คืออะไร ?

    คอลลาเจน(Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเส้นใยทำหน้าที่สร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เชื่อมต่อเนื้อเยื่อต่างๆ เข้าด้วยกัน พบได้ที่ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ(อ้างอิง)
    เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้จะลดลงถึง 1.5% ต่อปี ซึ่งจะนำไปสู่การหย่อนคล้อยของผิว จนเกิดริ้วรอย และจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย(อ้างอิง)

วิธีเลือกกินคอลลาเจนที่มาช่วยเรื่องสิว

เลือกชนิดของคอลลาเจนให้ถูก
    ในปัจจุบันคอลลาเจนมีมากกว่า 28 ชนิด แต่คอลลาเจนที่ช่วยเรื่องผิวได้ตรงจุด คือ
• คอลลาเจนประเภทที่ 1(Collagen Type I) พบมากในผิวหนังและกระดูก ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อฉีกขาด มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างกระดูก ผนังหลอดเลือด ผิวพรรณ เส้นเอ็นและเอ็นยึดกล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 

มี active ingredient มาช่วยเรื่องสิว
    สูตรที่มีคอลลาเจนอย่างเดียวไม่พอที่จะช่วยเรื่องสิวได้นะคุณๆ อยากทานคอลลาเจนให้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องผิวและเรื่องสิว กูรูเช็คแนะนำให้เลือกสูตรที่มีส่วนผสมอื่นๆที่มาช่วยเรื่องสิวได้ค่ะ เช่น zinc, ไนอะซินาไมด์ หรือวิตามินบี3 (Niacinamide) 

ขนาดของคอลลาเจนต้องมีขนาดเล็ก 
    เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น คอลลาเจนไดเปปไทด์(Dipeptide collagen)และคอลลาเจนไตรเปปไทด์(Tripeptide collagen)

ปริมาณเยอะมากพอ
    ควรทานคอลลาเจนในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน คือรับประทานไม่ต่ำกว่า 5,000 mg/วัน สำหรับอย. กำหนดให้ไม่เกิน 10,000 mg/วัน

กลไกการทำงานของสาร ACTIVE กับ คอลลาเจนที่ช่วยเรื่องสิว

Active Ingredient ของสารตัวอื่นมาช่วย ทำให้อาหารเสริมคอลลาเจนมีส่วนช่วยในเรื่องสิวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมให้ประสิทธิของคอลลาเจนทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย เช่น 
• วิตามินซี : ลดการเกิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และยังมีส่วนช่วยให้คอลลาเจนดูดซึมได้ดีขึ้นด้วยค่ะ
• ROSE HIPS EXTRACT : ช่วยป้องกันการอักเสบของผิว
• VITAMIN B3 : ช่วยลดการอักเสบของสิว โดยการเป็นตัวไปยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
• POMEGRANATE EXTRACT : สารสกัดทับทิมสเปน อุดมไปด้วยสารสำคัญอย่าง PUNICALAGINS ที่พบในทับทิมเท่านั้น มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส(อ้างอิง)

สรุป

    คอลลาเจนอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการักษาสิวค่ะ ดังนั้นคุณๆที่ต้องการทานคอลลาเจนแล้วอยากเห็นผลเรื่องผิวพรรณและเรื่องสิวด้วย กูรูเช็คแนะนำให้เลือกทานคอลลาเจนที่มีส่วนผสมอื่นๆที่สามารถช่วยเรื่องสิวได้ด้วยนะคะ อยากรู้ข้อมูลคอลลาเจนเชิงลึก คลิ๊ก!!คัมภีร์รวมข้อมูลคอลลาเจน

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ   ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

5018

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “