โรคซึมเศร้า(Depression)

โรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดปกติของสมองในส่วนที่มีผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม รวมถึงสุขภาพทางกาย แต่ที่คนส่วนใหญ่รู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าก็มักจะนึกถึงเพียงอาการหรือสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไป จึงคิดว่าโรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดหวัง หรือการได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ และจะสามารถรักษาหรือแก้ไขได้ด้วยการให้กำลังใจ ซึ่งในความจริงแล้ว โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาท 3 ชนิด คือ ซีโรโตนิน นอร์เอปิเนฟริน และโดปามีน จึงจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากจิตแพทย์ เพราะนอกจากจะต้องบำบัดอย่างถูกวิธีแล้ว ยังอาจจะต้องใช้ยาในการรักษาร่วมด้วย

ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และความเคร่งเครียดส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากป่วยเป็นภาวะโรคซึมเศร้า ส่งผลกระทบทำให้คุณภาพชีวิตลดลงหรือในผู้ป่วยบางรายที่มีภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรงและอาจส่งผลให้มีความคิดเกี่ยวกับทำร้ายตัวเองจนอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ปัจจุบันโลกของเรามีประชากรราว 7.6 พันล้านคน และมีคนเป็นโรคซึมเศร้าถึง 300 ล้านคน หรือเกือบ 4% เลยทีเดียว ส่วนในคนไทยเองนั้นพบว่ามีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน หรือ 2.2% ของคนไทยทั้งหมด 69 ล้านคนเลย 

ในปัจจุบันจึงได้มีการวิจัยและพัฒนาวิธีช่วยบำบัดโรคซึมเศร้าหลากหลายรูปแบบ ทั้งการรักษาโรคซึมเศร้าด้วยการใช้ยา การรักษาจิตบำบัดเชิงลึกและนอกไปจากนี้ยังได้มีการวิจัยและศึกษาเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของ Probiotics(โพรไบโอติก) หรือจุลินทรีย์ตัวดีที่อาจมีส่วนช่วยในการรักษาภาวะซึมเศร้าให้ดีขึ้นได้อีกด้วย วันนี้กูรูเช็คแนะนำสารสกัดโพรไบโอติกที่มาช่วยเรื่องโรคซึมเศร้า มาให้ผู้ประกอบการที่สนใจทำผลิตภัณฑ์โพรไบโอติก นั่นก็คือ Bifizen ®

Bifizen ® คือ โพรไบโอติกที่เปิดตัวในปี 2021 โดยมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงอารมณ์ ลดความเครียดและความเหนื่อยล้า และช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวล ปัจจุบัน การศึกษาทางคลินิกครั้งที่ 2 เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีผลลัพธ์เชิงบวกที่เน้นย้ำว่า Bifizen ยังช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นอีกด้วย

• Bifizen® ประกอบด้วยโพรไบโอติกสายพันธุ์

- Limosilactobacillus fermentum LF16 
- Lacticaseibacillus rhamnosus LR06 
- Lactiplantibacillus plantarum LP01 
- Bifidobacterium longum 04 
การมีแบคทีเรียสายพันธุ์เหล่านี้ในระดับต่ำที่ลำไส้เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และรูปแบบการนอนหลับที่ไม่ดี

• ประโยชน์ของ Bifizen® ตามงานวิจัย

ผลการศึกษามีความเชื่อมโยงกันมากขึ้นระหว่างสุขภาพลำไส้ที่ดี และการนอนหลับที่ดีขึ้นในหมู่ผู้บริโภค โดยผลการสำรวจสุขภาพจิตและการนอนหลับโดย FMCG Gurus แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภค 73% เชื่อว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพระบบย่อยอาหารที่ดีและรูปแบบการนอนหลับที่ดี ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นด้วยว่าผู้บริโภค 1 ใน 3 ไม่พึงพอใจกับกิจวัตรประจำวันก่อนเข้านอนและสุขภาพการนอนหลับโดยทั่วไป ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของพวกเขา

- Bifizen® ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นและนอนหลับได้ดีขึ้น
“ Bifizen® คือการผสมผสานสายพันธุ์โพรไบโอติกที่ได้รับการพัฒนาด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงสุขภาพจิตโดยทั่วไป ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการศึกษาสามแบบที่เราทำกับผลิตภัณฑ์นี้ 

“ การศึกษาครั้งแรกนี้ยังแสดงผลลัพธ์ที่น่าพอใจสำหรับอารมณ์และคุณภาพการนอนหลับ ดังนั้นจึงทำการศึกษายืนยันครั้งที่ 2 เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของ Bifizen® ต่ออารมณ์ ความวิตกกังวล และการนอนหลับ และผลลัพธ์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปนั้นก็เป็นไปในเชิงบวกมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังศึกษาการผสม Bifizen® เข้ากับส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยให้นอนหลับได้ เช่น แอชวากันดา เมลาโทนิน และสารสกัดจากหญ้าฝรั่น ซึ่งทำให้มีตัวเลือกที่ปรับแต่งได้หลายแบบที่เราสามารถนำเสนอเป็นส่วนผสมสำเร็จรูปและสินค้าสำเร็จรูปได้ ”

“ จากผลการศึกษาก่อนทางคลินิกที่เน้นถึงผลทางชีวภาพที่ซับซ้อนของส่วนผสมนี้ เราได้ทำการทดลองทางคลินิกแบบควบคุมสามแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งผลการทดลองยืนยันผลในเชิงบวกของ Bifizen® ต่ออารมณ์ ความวิตกกังวล คุณภาพการนอนหลับ และระดับเซโรโทนินในกระแสเลือด สุดท้าย เราได้แสดงให้เห็นว่า Bifizen® สามารถส่งผลอย่างมากต่อเมแทบอไลต์ในซีรั่มและปัสสาวะ ผลการวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ากลไกเหล่านี้อาจส่งผลต่อประโยชน์ทางคลินิกที่สังเกตได้ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการนอนหลับ รวมถึงการลดลงของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความผิดปกติทางอารมณ์เล็กน้อย ”
โดยให้รับประทานโพรไบโอติกและยาหลอกทุกวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ สำหรับคนที่เป็นโรค SD โดยมีการประเมินความรุนแรงของอาหการทางจิตและความเครียด การศึกษาพบว่าการเสริมโพรไบโอติก ช่วยลดคะแนนภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลได้อย่างมีนัยสำคัญ (อ้างอิง)

การศึกษาครั้งที่ 2 ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัย Lindenwood ในสหรัฐอเมริกา การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากผู้ป่วยที่มีสุขภาพดี 70 รายเพื่อประเมินผลกระทบของ Bifizen® ที่มีต่อบุคคลเหล่านี้ในช่วงระยะเวลา 3 และ 6 สัปดาห์ การศึกษานี้ผสมผสานระเบียบวิธีของดัชนีคุณภาพการนอนหลับพิตต์สเบิร์ก (PSQI) ที่ครอบคลุมมากขึ้นเข้ากับข้อมูลตอบรับที่ละเอียดมากขึ้น

“ ได้วัดทั้งระยะเวลาแฝงในการนอนหลับ ซึ่งหมายถึงเวลาที่บุคคลใช้ในการหลับจริง จำนวนชั่วโมงการนอนหลับ และคุณภาพการนอนหลับ โดยรวมการประเมินแบบอัตนัยและแบบปรนัยเข้าด้วยกัน การศึกษาครั้งแรกเน้นที่คุณภาพการนอนหลับโดยใช้แบบสอบถามที่ได้รับการยืนยันเท่านั้น ดังนั้นผลลัพธ์ล่าสุดที่เราได้มาจึงครอบคลุมมากขึ้น โดยแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงใน PSQI ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากชั่วโมงการนอนหลับที่ยาวนานขึ้น คุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น และสิ่งรบกวนที่น้อยลง ” 

จากการศึกษาแบบควบคุมด้วยยาหลอกแบบดับเบิลบลายด์ในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี พบว่าการรับประทาน Bifizen® ในปริมาณรายวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ช่วยปรับปรุงอารมณ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ พบว่าอารมณ์ซึมเศร้า ความเหนื่อยล้า และความโกรธลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าคุณภาพการนอนหลับดีขึ้นด้วย (อ้างอิง)

ปัจจุบัน Bifizen® ได้ถูกนำไปผลิตในผลิตภัณฑ์หลายชนิดแล้ว โดยนำไปผสมกับส่วนผสมที่ช่วยให้นอนหลับได้ในตลาดเอเชียแปซิฟิก และยังยืนยันอีกด้วยว่าตั้งแต่มีการเผยแพร่ผลการศึกษาครั้งที่สองเมื่อปลายปี 2023 ก็มีการหารือกันเพื่อนำส่วนผสมดังกล่าวไปใช้กับผลิตภัณฑ์ปรับอารมณ์และช่วยนอนหลับทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ
-    ปริมาณที่ทานเเล้วเห็นผล จากตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโพรไบโอติก Bifizen® ใช้โพรไบโอติกมากกว่า 4 พันล้านตัว
-    โดยสายพันธุ์ที่ใช้ได้ในไทย สายพันธุ์ที่อนุญาตให้ใช้ในไทย มี Bifidobacterium longum เท่านั้นตามประกาศ อย. ถ้าได้เอามาผลิตเป็นอาหารเสริมในไทย การใช้โพรไบโอติกสายพันธุ์อื่นนอกเหนือจากที่ อย. กำหนดไว้ มีข้อกำหนดว่า ผู้ผลิตหรือผื้นำเข้าต้องส่งหลักฐานแสดงผลการประเมินความปลอดภัย และคุณสมบัติการเป็นโพรไบโอติก ตามหลักการใน Guidelines for the Evaluation of Probiotics in Food, Joint FAO/WHO Working Group Report on Drafting Guidelines for the Evaluation of Probiotics in Food,ปี ค.ศ. 2002 พร้อมรายละเอียดข้อมูลประกอบการยื่นขออนุญาต ดังนี้
1. การตรวจเอกลักษณ์ของสกุล (genus) ชนิด (species) สายพันธุ์ (strain) ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ทั้งทางลักษณะ (phenotype) และทางพันธุกรรม (genotype) และการเรียกชื่อ (nomenclature) ของจุลินทรีย์นั้นต้องเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและเป็นที่รู้ทั่วกันในทางวิทยาศาสตร์
2. การทดสอบคุณสมบัติการเป็นจุลินทรีย์โพรไบโอติก
3. การประเมินความปลอดภัยของโพรไบโอติกต่อมนุษย์โดยการทดสอบในหลอดทดลอง (in vitro) หรือในสัตว์ทดลอง (in vivo) และการศึกษาในมนุษย์เพื่อประเมินความปลอดภัย และ ปฏิกิริยาของร่างกายต่อโพรไบโอติก
4. ผลการประเมินความปลอดภัยและคุณสมบัติการเป็นจุลินทรีย์โพรไบโอติกในต่างประเทศ หรือข้อมูลสนับสนุนอื่น (ถ้ามี)

ทางทีมกูรูเช็คก็หวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่ต้องการสร้างแบรนด์และผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาสินค้าของตัวเอง และใครที่สนใจ Consult สร้างแบรนด์ ฟรี!! ก็สามารถ แอด LINE : @gurucheckacademy หรือคลิ๊กที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://line.me/R/ti/p/@gurucheckacademy