ออกแบบวิตามินเฉพาะบุคคล ด้วยเทคโนโลยีใหม่ 3D printing ที่การตลาดยุคใหม่ควรรู้

    เมื่อประสบการณ์หรือความต้องการของผู้บริโภคกลายเป็นตัวกำหนดความแตกต่างของแบรนด์ ทำให้เจ้าของแบรนด์ของสินค้าแต่ละประเภทนั้นหันมาใส่ใจกับการสร้างความพิเศษกับสินค้าของตนเอง โดยการทำ Product Individualization ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่างที่เห็นกันอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังคงอยู่ในกระแสของการสร้างแบรนด์และการทำธุรกิจในยุคใหม่ กูรูเช็คจึงอยากแนะนำเครื่องมือเทคโนโลยี 3D printing ที่จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์อาหารเสริมได้สร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง 

3D Printing คืออะไร

   3D Printing หรือเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการขึ้นรูปวัตถุ 3 มิติจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้วยการเติมเนื้อวัสดุเข้าไปทีละชั้น โดยคอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการในทุกขั้นตอน เทคนิคการเติมเนื้อวัสดุเข้าไปทีละชั้นนี้มีชื่อเรียกว่า Additive Manufacturing (AM) ซึ่งมีข้อดีกว่าเทคนิคการขึ้นรูปทั่วไปคือ การสูญเสียวัตถุดิบที่น้อยกว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี 3D Printing ได้ถูกนำไปใช้ในงานหลากหลายประเภท เช่น การแพทย์อุตสาหกรรม สถาปัตยกรรม รวมไปถึงอุตสาหรรมอาหารที่เรียกว่า 3D Food Printing ที่สามารถขึ้นรูปทีละชั้นโดยการออกแบบโครงสร้างที่ซับซ้อนหรือระบุองค์ประกอบของสารอาหารนั้นๆ ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ เพื่อควบคุมองค์ประกอบของอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ

3D printing หนึ่งในปัจจัยของการตลาดยุคใหม่แบบ Individualize Marketing

    จากยุคการตลาดแบบปรับแต่งสินค้าให้ตรงกับความต้องการหรือความสนใจที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้า (Customization) มาสู่ยุคการทำการตลาดในปัจจุบันแบบ 1:1 (Individualization) เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับลูกค้าคนเดียวเท่านั้น ซึ่งต้องอาศัย 3 ปัจจัยหลักเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันทางตลาด คือ

• ระบบอัตโนมัติที่ใช้ในโรงงาน เพื่อความมีประสิทธิภาพและควบคุมคุณภาพของสินค้าได้ตรงตามความต้องการ นอกจากนั้นยังช่วยลดต้นทุนด้านการจ้างแรงงานเข้ามามีส่วนในการผลิต
• Supply Chain Management กระบวนการบริหารจัดการที่ดีในการดูแลและควบคุมการขับเคลื่อนของสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ จากการผลิตและบริการให้กับลูกค้า ซึ่งการจัดการ Supply Chain นี้เป็นตัวช่วยให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
• 3D printing หรือการพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งปัจจุบันมีการนำมาใช้ในหลายๆ อุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นคือ 3D Food Printing 

เทคโนโลยี 3D printing กับการจัดการเรื่องโภชนาการเฉพาะบุคคล

    บริษัท Monolabs ของเกาหลีใต้มีบริการข้อมูลโภชนาการเฉพาะบุคคลภายใต้แบรนด์ "I AM" เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยี 3D printing เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเฉพาะรายบุคคลให้กับผู้บริโภคมากกว่า 20,000 ราย ด้วยพื้นฐานด้าน IT และการพัฒนาเกมส์บนมือถือ บริษัทได้ขยายสาขาไปสู่ธุรกิจโภชนาการเฉพาะบุคคลเมื่อสามปีที่แล้ว นอกจากนั้นบริษัทยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ South Korean government’s personalized nutrition sandbox ที่เปิดตัวในปี 2020 เริ่มด้วยแบบทดสอบด้านสุขภาพออนไลน์ บริษัทจะรวบรวมและวิเคราะห์ความต้องการด้านสุขภาพของผู้ใช้ จากนั้นจึงให้คำแนะนำที่เหมาะสมต่อผู้บริโภค โดยจะมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอยู่ราว 30 รายการ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และส่วนผสมสำหรับการควบคุมน้ำหนัก สุขภาพผิว และช่วยในเรื่องการนอนหลับ 

    การมีระบบ IT ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินงานจัดการฐานข้อมูลโครงสร้างเว็บไซต์ให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นบริษัท Monolabs ยังทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิต เช่น Kolmar และ COSMAX เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ใช้โรงงานของ Monolabs เองในการบรรจุผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้บริโภคแต่ละราย ระบบอัตโนมัติในโรงงานมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขยายขนาดธุรกิจ ซึ่งจะเห็นว่าโรงงานของบริษัทเป็นแบบอัตโนมัติกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ 

    แต่ในทางกลับกันข้อมูลทางโภชนาการเฉพาะบุคคลส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเฉพาะตัวรายบุคคลได้ 100 % เพราะผู้บริโภคจะถูกจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ตามผลการตรวจสุขภาพ ซึ่งอ้างอิงจากการทดสอบน้ำลายหรืออุจจาระ จากนั้นจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับสมาชิกแต่ละคน ในกรณีนี้ บริษัท Craft Health ซึ่งเป็นบริษัท 3D printing ของสิงคโปร์ เชื่อว่า 3D printing จะมีประโยชน์ในการทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเฉพาะรายบุคคลดร. Goh Wei Jiang ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Crafthealth บอกว่านี่จะเป็นกระบวนการค้นพบ เพื่อให้ได้อาหารเสริมที่เป็นเฉพาะรายบุคคลมากขึ้น เมื่อพวกเขาเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคดีขึ้น 

ข้อดีของการทำ 3D printing ในการทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเฉพาะบุคคล

    ซึ่งการผลิตอาหารหรืออาหารเสริมด้วยเทคโนโลยี 3D printing สนับสนุนแนวคิดโภชนาการส่วนบุคคลมากขึ้น ปัจจุบันเริ่มมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลที่มีอิทธิพลต่อความต้องการสารอาหารมากขึ้น เช่น ปริมาณและชนิดของโพรไบโอติกในลำไส้ใหญ่ ความผิดปกติทางพันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นต้น เนื่องจาก 3D printing เป็นเทคโนโลยีมีความยืดหยุ่นจึงสามารถปรับเปลี่ยนชนิดและปริมาณส่วนผสมวัตถุดิบที่แม่นยำ ทำให้สามารถผลิตอาหารเสริมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่ตรงตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตและความต้องการทางโภชนาการได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น กลุ่มนักกีฬาที่อาจต้องการพลังงานและปริมาณสารอาหารที่สมดุลก่อนและหลังการออกกำลังกายหรือการแข่งขัน นอกจากนี้การขึ้นรูปทีละชั้นยังสามารถใช้ออกแบบโครงสร้างอาหารเสริมเพื่อควบคุมการปลดปล่อยสารอาหารหรือ active ingredients ที่สำคัญได้อีกด้วย

ข้อจำกัดของการทำ 3D printing ในการทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเฉพาะบุคคล

    แม้ว่าการ 3D printing ในการทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเฉพาะบุคคลอาจมีทิศทางและอนาคตที่น่าตื่นเต้น แต่ปัจจุบันวัตถุดิบบางชนิดอาจไม่เหมาะที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ ต้องศึกษาถึงข้อจำกัดนี้ให้ดีก่อนเลือกรูปแบบการผลิต และความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมโภชนาการอาหารเสริมเฉพาะบุคคลก็คือการขนส่ง เพื่อให้บรรลุถึงความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคอย่างแท้จริง หมายความว่าคุณๆ ต้องรักษาสินค้าคงคลังจำนวนมากที่ประกอบด้วยอาหารเสริมหลากหลายชนิด ต้องทำการจัดเก็บสต็อกสินค้าให้ดี  นอกจากนี้อาหารเสริมเฉพาะบุคคลที่ได้จาก 3D printing จะมีอายุการเก็บรักษาที่จำกัด มักจะเก็บไว้ได้ไม่นานเพราะจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าอาหารเสริมที่วางขายทั่วๆ ไป ดังนั้นในแง่ธุรกิจอาหารเสริมเทคโนโลยีนี้จึงเหมาะกับอาหารเสริมรายเฉพาะบุคคลมากกว่า

สรุป

    แผนการตลาดในยุคนี้มุ่งเน้น Individualization คือการพูดกับลูกค้าโดยตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องมาจากการเก็บข้อมูลจำนวนมาก แล้วนำเอาข้อมูลของลูกค้าที่บริษัทมีอยู่มาใช้วิเคราะห์ เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้า ดังนั้นการนำเทคโนโลยี 3D printing เข้ามาช่วยในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมก็จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและวัตถุดิบ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นจึงสามารถปรับเปลี่ยนชนิดและปริมาณส่วนผสมวัตถุดิบที่แม่นยำ เพื่อตรงตามความต้องการของผู้บริโภครายบุคคลได้ดี จึงเหมาะกับการทำธุรกิจอาหารเสริมเฉพาะรายบุคคล

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ