อาหารเสริมตามวัย(วัยเด็ก)

    โจทย์หนึ่งที่ยากสำหรับผู้ประกอบการในการทำวิตามินเสริมสำหรับเด็ก คือ การทำวิตามินเสริมให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยสำหรับเด็ก เพราะเด็กในแต่ละช่วงวัยมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน เพราะช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่มีพัฒนาการทางร่างกายมากสุดเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ ในบทความนี้จึงอยากให้ผู้ประกอบการได้รู้จักวิตามินเสริมในเด็กแต่ละช่วงอายุ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตวิตามินเสริมสำหรับเด็กได้ตรงโจทย์ที่สุด เป็นประโยชน์ต่อการตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าโดยตรง และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคซึ่งก็คือเด็กๆ ได้รับวิตามมินเสริมที่ตรงตามวัย

    วัยเด็กในแต่ละช่วงวัยย่อมมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน เนื่องจากลักษณะสรีระวิทยาที่ต่างกัน กระบวนการ metabolism ที่แตกต่างกันในแต่ละวัย หนึ่งในนั้นคือพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ ร่างกายของเด็กจึงได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ ทำให้สารอาหารที่ได้จากการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ นอกจากนี้สถานการณ์ปัจจุบันที่มีเชื้อโรค และมลภาวะต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของการทำร้ายสุขภาพของเด็กๆ ทำให้มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาในอนาคต 

    ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ว่ามานี้ อาหารเสริมจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการบำรุงร่างกายของเด็กๆ ให้ได้สารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมวัย เพราะแต่ละช่วงอายุของวัยเด็กก็ต้องการแร่ธาตุและวิตามินที่แตกต่างกัน ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน นอกจากนั้นแร่ธาตุและวิตามินที่เสริมเข้าไปยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น กูรูเช็คเลยรวบรวมรายการอาหารเสริมเพิ่มแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นสำหรับเด็ก มาให้พ่อแม่ผู้ปกครองเลือกเสริมให้ลูกหลานสำหรับเด็กวัยนี้กันค่ะ 

1. อาหารเสริมช่วงวัยแรกเกิด – 2 ปี

    ช่วงวัยนี้อาหารที่ดีที่สุดคือ นมแม่ หากอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เพราะในนมแม่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หรือ probiotics ที่จะเสริมสร้างภูมิต้านทานและมีส่วนร่วมในการสร้างสารสื่อประสาทให้เด็กช่วงวัยนี้อยู่แล้ว เช่น Lactobacillus, Bifidobacterium เป็นต้น และสามารถให้นมแม่ร่วมกับเสริมอาหารตามวัยที่มีความหลากหลายของมื้ออาหารให้เด็กในวัยนี้ได้เลย(อ้างอิง) นอกจากนี้ในเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ อาจจะเสริมด้วยโพรไบโอติกได้ในเด็กตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป เพื่อปรับสมดุลลำไส้ เพิ่มพัฒนาการและเสริมสร้างภูมิต้านทานให้เด็กในวัยนี้ 

2. อาหารเสริมช่วงวัย 2 ขวบขึ้นไป

    เด็กในช่วงวัยนี้มีพัฒนาการทางสมองที่ดีมาก ดังนั้นจึงต้องการสารอาหารที่ช่วยเสริมพัฒนาการของสมอง คือ ดีเอชเอ (DHA) ซึ่งก็คือกรดไขมันในกลุ่มของโอเมก้า-3 มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาสมองและสายตา นอกจากนี้ DHA ยังมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และช่วยลดปัญหาเรื่องภูมิแพ้ได้อีกด้วย ดีเอชเอต้องได้รับจากการรับประทานอาหารจำพวกปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า แซลมอน เป็นต้น สำหรับปริมาณ DHA ที่แนะนำให้เด็กวัยนี้รับประทานจะอยู่ที่ประมาณ 250-500 มิลลิกรัม/วัน(อ้างอิง)

3. อาหารเสริมช่วงวัย 5 ขวบขึ้นไป

    เด็กในวัยนี้เริ่มมีการเข้าโรงเรียน และหลังจากการพบเจอกลุ่มคนใหม่ๆ ในโรงเรียน ก็พบว่าเด็กกลุ่มนี้จะป่วยบ่อย ป่วยง่าย ดังนั้นวิตามินเสริมที่เหมาะสมในเด็กวัยนี้คือ วิตามิน ซี ที่มีส่วนช่วยในระบบภูมิคุ้มกัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการทำร้ายเซลล์ มีส่วนช่วยสร้างความสมบูรณ์ให้กับผิวหนัง กระดูก และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน นอกจากนั้นยังช่วยดูดซึมธาตุเหล็กที่เป็นองค์ประกอบของเซลล์เม็ดเลือดแดง ในอาหารพบได้ใน ฝรั่ง มะขามป้อม คะน้า เป็นต้น สำหรับปริมาณวิตามินซีที่แนะนำให้เด็กวัยนี้รับประทานจะอยู่ที่ประมาณ 100-500 มิลลิกรัม/วัน ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่มีภาวะเหล็กเกิน(อ้างอิง)

4. อาหารเสริมช่วงวัย 10 ขวบขึ้นไป

    เด็กในช่วงวัยนี้มีการเจริญเติบโตของร่างกายโดยเฉพาะเรื่องส่วนสูง จึงควรเพิ่มอาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในเรื่องการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก เช่น วิตามิน ดี ซึ่งควรจะเป็น D3 ที่ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่จำเป็นสำหรับการสร้างและบำรุงกระดูก เด็กวัยนี้รับประทานจะอยู่ที่ประมาณ 400 IU/วัน(อ้างอิง)

    นอกจากเรื่องของการเสริมสร้างกระดูกแล้ว เด็กในช่วงวัยนี้ต้องการการเจริญเติบโตดังนั้น Growth Hormone จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกายให้เด็กได้เป็นอย่างดี ซึ่งกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้น Growth Hormone ได้เป็นอย่างดี ได้แก่ L- Arginine, L-Lysine,L- Ornithine L-Glutamine, L-Leucine, L-Isoleucine และ L-Valine  นอกจากการได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนแล้วยังสามารถทานเสริมได้ในรูปแบบของอาหารเสริม(อ้างอิง)

5. อาหารเสริมช่วงวัย 13 ขวบขึ้นไป

    พัฒนาการของเด็กในวัยนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว อาหารเสริมที่เป็น Fish oil (EPA+DHA) น่าจะเหมาะกับเด็กวัยนี้เพราะมี EPA ที่ช่วยลดการอักเสบ นอกจากนี้ยังมี DHA ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์สมอง บำรุงสมอง รวมไปถึงช่วยบำรุงสายตา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเซลล์ในประสาทตาให้รับแสงได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการมองเห็น ในวัยนี้ใช้สายตาเยอะ จ้องจอหลายชั่วโมง และใช้สมองเพื่อโฟกัสกับสิ่งที่กำลังเรียนรู้(อ้างอิง)

    อาหารเสริมอีกตัวที่อยากแนะนำในช่วงวัยนี้คือ ลูทีน ที่จะช่วยบำรุงและปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าที่อยู่บนหน้าจออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ที่เด็กๆ วัยรุ่น จะต้องเจอในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ทโฟนและหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยจะดูดซับแสงสีฟ้าและช่วยกรองแสงต่างๆ ที่ผ่านไปยังจอประสาทตาได้ดีขึ้น(อ้างอิง) 

    นอกจากนี้ในวัยเด็กก้าวสู่วัยรุ่นนี้ วิตามิน บี รวม ก็มีความสำคัญที่มีส่วนช่วยให้สุขภาพแข็งแรง เช่น วิตามินบี 12 และวิตามินบี 6 จำเป็นต่อการรักษาระดับพลังงาน การเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน และการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง(อ้างอิง) วิตามินบี 6 สามารถพบได้ในอาหารพืชและสัตว์ เช่น ผักใบเขียว ปลา มันฝรั่ง และถั่วชิกพี วิตามินบี 12 พบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นหลัก ดังนั้นหากวัยรนี้ประทานอาหารมังสวิรัติหรือทานเนื้อสัตว์ไม่เพียงพอ ก็จำเป็นต้องเสริม

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ   ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ