เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 2314

2024-08-23 17:00

(กูรูเช็ค) รวม 10 ฟอร์มวิตามินที่คุ้มค่า ดีต่อร่างกาย และออกฤทธิ์ดีที่สุด

กูรูเช็ค

ปกติเวลาเราไปเลือกซื้อวิตามินมาทาน เมื่อดูฉลากจะเห็นได้ว่าทำไมชื่อวิตามินแต่ละสูตรมันไม่เหมือนกันเลย บางสูตรใส่เป็นฟอร์มนั้น บางสูตรใส่เป็นฟอร์มนี้มา แล้ววิตามินฟอร์มไหนล่ะที่ดีต่อร่างกายเราที่สุด? ออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด? และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปที่สุด? 

วันนี้กูรูเช็คเลยเลือกมาเป็น 10 วิตามินยอดฮิต เผื่อใครที่กำลังกินอาหารเสริม วิตามินตัวไหนอยู่ก็สามารถเอามาเช็คพร้อมกันได้เลยนะ

1. VITAMIN B1(THIAMINE)

การทำงานหลัก : วิตามินบี 1 จำเป็นต่อการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ และเส้นประสาท รวมถึงการเผาผลาญกลูโคสของร่างกาย แล้วยังช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานได้ แต่ตับเราสามารถเก็บสะสมวิตามินบี1 ไว้ได้เล็กน้อยเท่านั้น เพราะฉะนั้นร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีวิตามินบี1 ทุกวันนะคะ ซึ่งฟอร์มที่เรามักจะพบเห็นได้ทั่วไปก็จะมี
• BENFOTIAMINE
ตัวนี้เป็นฟอร์มที่สามารถออกฤทธิ์ได้ดี เพราะมีการดูดซึมที่ดี แถมยังมีรายงานพบว่าฤทธิ์ NEUROPROTECTIVE ช่วยให้การรับรู้ จดจำ ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ดีขึ้น (อ้างอิง)
• THIAMINE MONONITRATE 
• THIAMINE HCL

• THIAMINE TETRAHYDROFURFURYL DISULFIDE ที่เป็นอนุพันธุ์ของวิตามินบี 1 ที่มีการดูดซึม
และการละลายน้ำได้ดี ก็เป็นอีกฟอร์มที่สามารถออกฤทธิ์ได้ดี ทั้งนี้เขามีรายงานพบว่าช่วยลด BLOOD URINE NITROGEN และ CREATINE KINASE ได้หลังจากการออกกำลังกายเป็นเวลานาน แถมยังช่วยเพิ่มปริมาณไกลโคเจนในเนื้อเยื่อตับและกล้ามเนื้อได้อีกด้วย (อ้างอิง)

2. VITAMIN B2(RIBOFLAVIN)

การทำงานหลัก : วิตามินบี 2 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต และไขมันได้ตามปกติ แถมยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ดี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวพรรณดีและผมแข็งแรง ช่วยเพิ่มพลังงานและช่วยรักษาเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรง คงสภาพของเยื่อบุต่างๆ ช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาท โดยฟอร์มที่มักจะพบในอาหารเสริมทั่วไปคือ
• RIBOFLAVIN 
• RIBOFLAVIN 5'-PHOSPHATE เป็นฟอร์มที่มักใช้อาหารเสริมและใช้ในผู้ที่ขาดวิตามินบี 2 
เพราะเป็นฟอร์มที่ออกฤทธิ์ได้เลย และมักจะมาในฟอร์มของเกลือโซเดียม (อ้างอิง)

ข้อมูลจาก FDA บอกว่า RIBOFLAVIN 5'-PHOSPHATE –SODIUM สามารถใช้เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยเผาผลาญพลังงาน ลดภาวะขาดวิตามิน และลดไมเกรนได้ (อ้างอิง)

3. VITAMIN B6(PYRIDOXINE)

การทำงานหลัก : วิตามินบี 6 มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองตามปกติ และทำให้ระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง การบริโภควิตามินบี 6 ในปริมาณที่เพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพที่ดีและอาจป้องกันและรักษาโรคเรื้อรังได้ โดยฟอร์มที่มักจะพบในอาหารเสริมทั่วไปคือ
• PYRIDOXINE HYDROCHLORIDE  แต่ PYRIDOXAL 5' PHOSPHATE เป็น ACTIVE FORM ของวิตามินบี 6 (อ้างอิง)

และยังมีรายงานที่พบว่า ถ้าร่างกายเรามีปริมาณวิตามินบี 6 ต่ำจะส่งผลให้เกิดการอักเสบในร่างกายมากขึ้น (อ้างอิง)

4. VITAMIN B12(CYANOCOBALAMIN)

การทำงานหลัก : วิตามินบี 12 มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสังเคราะห์ DNA การเจริญเติบโต การทำงานตามปกติของระบบประสาทส่วนกลางรวมถึงระบบภูมิคุ้มกัน และการสร้างเม็ดเลือดแดงที่แข็งแรง ปกติอาหารเสริมทั่วไปก็อาจจะอยู่ในรูป
• CYANOCOBALAMIN 
• METHYLCOBALAMIN เป็นฟอร์มที่ออกฤทธิ์ได้ดีของวิตามินบี 12 ที่ช่วยในเรื่อง METABOLISM และ 
FUNCTION ร่วมกับโฟเลต หรืออาจจะอยู่ในฟอร์มของ ADENOSYLCOBALAMIN ที่สำคัญต่อการสร้างพลังงานในเซลล์ (อ้างอิง)

ซึ่งเขามีการทดสอบโดยผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ที่มีโรคระบบประสาทร่วมด้วย พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับเมทิลโคบาลามินทางปากในปริมาณ 500 มก. วันละ 3 ครั้ง มีอาการทางกายและระบบประสาทที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก (อ้างอิง)

5. VITAMIN C(ASCORBIC ACID)

การทำงานหลัก : วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ แต่ร่างกายเราไม่สามารถผลิตวิตามินซีขึ้นมาเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้นค่ะ การเลือกฟอร์มของวิตามินซีก็มีหลายปัจจัยในการตัดสินใจ เช่น
ถ้าหากป้องกันการระคายเคืองกระเพาะ อาหารควรเลือกฟอร์ม BUFFERED C เช่น CALCIUM ASCORBATE
หรือถ้าอยากได้การดูดซึมวิตามินซีเพิ่มขึ้นก็ควรเลือก วิตามินซีร่วมกับ BIOFLAVONOID เพราะจะเพิ่มค่าการดูดซึมได้ดีขึ้น 35%
หรืออาจจะเลือกกินวิตามินซีร่วมกับการต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นที่เสริมฤทธิ์กันเช่น วิตามินอี หรืออาจจะกินในรูปแบบ LIPOSOMAL-ENCAPSULATED VITAMIN C หรือวิตามินซีที่อยู่ในรูปแบบไลโปโซม ซึ่งเป็นการลดขนาดอนุภาคของวิตามินซี เนื่องจากไลโปโซมเป็นฟองอากาศขนาดนาโนที่เลียนแบบเยื่อหุ้มเซลล์ของร่างกาย จึงช่วยและเร่งการดูดซึมวิตามินซี ได้ดีกว่าแบบธรรมดาทั่วไป (อ้างอิง)

6. VITAMIN D

การทำงานหลัก : วิตามินดีมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหาร แถมยังช่วยรักษาระดับแร่ธาตุในเลือดให้เป็นปกติ ช่วยยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการสลายของมวลกระดูก เพราะฉะนั้นถ้าร่างกายเราขาดวิตามินดีก็จะส่งผลให้การดูดซึมแคลเซียมในทางเดินอาหารลดลงและทำให้มวลกระดูกลดลงด้วย ที่สำคัญ RECEPTORS ในเซลล์ส่วนใหญ่มีวิตามินดีเป็นองค์ประกอบ วิตามินดีจึงมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยฟอร์มที่มักพบได้บ่อยๆ คือ
• ERGOCALCIFEROL(D2)
• CHOLECALCIFEROL(D3) ซึ่งเป็น ACTIVE FORM ของวิตามินดี มักอยู่ในรูป 1,25-DIHYDROXY 
VITAMIN D3 หรือ CALCITRIOL ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินดี ทำให้เกิดการสร้าง OSTEOCALCIN ที่เป็นโปรตีนที่ทำให้ดึงแคลเซียมมาเกาะในกระดูก ที่สำคัญคือมีรายงานที่พบว่า CHOLECALCIFEROL หรือวิตามินดี 3 ให้ผลลัพธ์เกี่ยวกับโรคกระดูกพรุนได้ดีกว่า CALCIFEDIOL (อ้างอิง)

7. MAGNESIUM(Mg)

การทำงานหลัก : แมกนีเซียมมักจะเกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ การหดตัวของกล้ามเนื้อ การส่งสัญญาณทำงานของเซลล์ประสาทซึ่งทำงานร่วมกับแคลเซียม และยังมีหน้าที่เป็นตัวกระตุ้น หรือเร่งการทำงานของเอนไซม์ต่างๆใน METABOLISM ซึ่งฟอร์มที่จะพบได้ในอาหารเสริมมีหลายฟอร์ม
• MAGNESIUM OXIDE 
• MAGNESIUM SULFATE 
• MAGNESIUM CITRATE 
• MAGNESIUM CHLORIDE 
• MAGNESIUM LACTATE 
แต่ CHELATED MAGNESIUM ซึ่งแมกนีเซียมรูปแบบนี้ติดอยู่กับสารคีเลต โดยรูปแบบที่พบได้ทั่วไป คือ MAGNESIUM GLYCINATE หรือ MAGNESIUM MALATE ที่เป็นฟอร์มที่มีความเสถียรสูง มีประสิทธิภาพการดูดซึมและละลายน้ำได้ดีขึ้น และความเสี่ยงต่อผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารน้อยลง มีรายงานพบว่ามีการผลิตแคลไซต์และปริมาณแอนโธไซยานินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อความเข้มข้นของ Mg เพิ่มขึ้น (อ้างอิง)

• MAGNESIUM L-THREONATE เป็นเกลือที่เกิดจากการผสมแมกนีเซียมและกรดทรีโอนิก ซึ่งเป็น
สารละลายน้ำที่ได้จากการสลายวิตามินซี เป็นฟอร์มที่สามารถดูดซึมได้ง่าย จากงานวิจัยในสัตว์พบว่า MAGNESIUM L-THREONATE อาจเป็นฟอร์มที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเพิ่มความเข้มข้นของแมกนีเซียมในเซลล์สมอง เพราะฟอร์มนี้สามารถผ่าน blood brain barrier ของสมองได้ (อ้างอิง)

• MAGNESIUM GLYCEROPHOSPHATE เป็นฟอร์มที่บริสุทธิ์และมีความเสถียรสูง เป็นแมกนีเซียมรูปแบบ
ที่ดีเพราะมีการดูดซึมสูง มีองค์ประกอบของกลีเซอรอสฟอสเฟตซึ่งมีบทบาทสำคัญในเยื่อหุ้มเซลล์และส่วนประกอบหลักของเนื้อเยื่ออวัยวะ โดยเฉพาะเนื้อเยื่อสมอง (อ้างอิง)

8. ZINC(Zn)

การทำงานหลัก : อย่างที่รู้กันว่าสังกะสีมีบทบาทสำคัญต่อผิวโดยสามารถลดปัญหาสิวได้ อีกทั้งยังช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การเจริญเติบโตของเซลล์ และช่วยลดการอักเสบ จะบอกว่าสังกะสีเนี่ยเป็นแร่ธาตุที่มีมากเป็นอันดับสองในร่างกายของรองจากธาตุเหล็ก และมีอยู่ในทุกเซลล์เลย แต่ร่างกายเราไม่สามารถผลิตเองได้นะ ต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริมเท่านั้นค่ะ โดยรูปแบบที่พบในอาหารเสริม เช่น
• ZINC CITRATE 
• ZINC ACETATE 
• ZINC GLUCONATE 
• ZINC PICOLINATE เป็นฟอร์มที่มักพบในอาหารเสริม สามารถละลายได้ง่ายเพื่อปลดปล่อยสังกะสี
ธาตุออกมาใช้ในร่างกายแถมยังมีกรดพิโคลินิกที่ช่วยในการดูดซึมผ่านผนังลำไส้ได้ด้วย แถมยังมีรายงานที่พบว่า ZINC PICOLINATE มีประสิทธิผลสูงสุดในการย้อนกลับภาวะขาดสังกะสีของภาวะท้องเสียเรื้องรัง(ACRODERMATITIS ENTEROPATHICA) และยังสามารถดูดซึมได้ในระดับที่สูงกว่าในบุคคลทั่วไปเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารเสริมสังกะสีอื่นๆด้วย (อ้างอิง)

9. IRON(Fe)

การทำงานหลัก : ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่นำออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงส่วนต่างๆในร่างกาย และไมโอโกลบิน ที่เป็นโปรตีนที่ให้ออกซิเจนแก่กล้ามเนื้อ นอกจากนี้ธาตุเหล็กยังจำเป็นในการสร้างฮอร์โมนบางชนิดอีกด้วย ฟอร์มของธาตุเหล็กที่มักเจอได้ในอาหารเสริม เช่น
• FERROUS GLUCONATE
• FUMARATE 
• FERROUS SULFATE 
แต่ฟอร์ม FERROUS BISGLYCINATE CHELATE หรือ Ferrochel® ที่เป็นเครื่องหมายทางการค้า เป็นฟอร์มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเกิดจากการจับเหล็กเข้ากับโมเลกุลไกลซีนสองโมเลกุล Ferrochel® มีความเป็นกลางทางไอออน จึงไม่ไปบล็อกการดูดซึมสารอาหารอื่นๆ ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และเด็กที่กำลังโต ด้วยความที่มีขนาดโมเลกุลเล็กก็เลยทำให้ช่วยคงสภาพอยู่ได้ตลอดทางเดินอาหารเพื่อการดูดซึมที่เหมาะสมที่สุด ในรายงานแบบ META-ANALYSIS พบว่า FERROUS BISGLYCINATE CHELATE ช่วยเพิ่มความเข้มข้นของฮีโมโกลบินและลดอาการไม่พึงประสงค์ในระบบทางเดินอาหารในสตรีมีครรภ์ได้ (อ้างอิง)

10. CHROMIUM(Cr)

การทำงานหลัก :  โครเมียมมีส่วนช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยที่เกี่ยวกับการเผาผลาญกลูโคสให้เป็นพลังงาน เพื่อการสังเคราะห์กรดไขมันและคอเลสเตอรอลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับที่เหมาะสม (IMPROVE INSULIN FUNCTION) และช่วยป้องกันพิษที่เกิดจากตะกั่ว ฟอร์มทั่วไปที่พบในอาหารเสริม
• CHROMIUM NICOTINATE 
• CHROMIUM POLYNICOTINATE 
• CHROMIUM CHLORIDE
• CHROMIUM HISTIDINATE 
• CHROMIUM AMINO ACID CHELATE 
• CHROMIUM PICOLINATE เป็นฟอร์มที่เพิ่มการดูดซึมได้ดีที่สุด (อ้างอิง)

นอกจากนั้นในงานวิจัยยังพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมโครเมียมฟอร์มนี้ สามารถช่วยปรับปรุงการเผาผลาญสารอาหารและช่วยในการลดน้ำหนักได้ (อ้างอิง)

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ
 

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

2314

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “