เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 1847

2024-09-16 17:00

(กูรูเช็ค)รวม 5 คู่อาหารเสริม กินด้วยกันแล้วเห็นผล ตามงานวิจัย

กูรูเช็ค

วิธีในการกินวิตามิน อาหารเสริมแต่ละชนิดนั้นก็ต่างกันออกไป เพราะบางชนิดก็ละลายได้ดีในน้ำ บางชนิดก็ละลายได้ดีในน้ำมัน แต่ละชนิดควรกินตอนไหน กินคู่กับอาหารอะไรจึงจะออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ วันนี้กูรูเช็คคัดมาให้แล้วสำหรับ 5 คู่อาหารเสริมที่กินด้วยกันแล้วผลลัพธ์จึ้งมาก!! มีงานวิจัยรองรับเพียบ มีทั้งหมด 11 ชนิด ซึ่งพอกินจับคู่กันแล้วก็สามารถเห็นผลได้ดีขึ้นแบบ 200% และช่วยได้ทั้งเรื่องผิวและสุขภาพเลยนะ

1. VITAMIN C + VITAMIN E + ASTAXANTHIN

● VITAMIN C 
วิตามินซีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยปกป้องการย่อยสลายคอลลาเจน โดยไปยับยั้งการแสดงออกของ MMP-1 แถมยังเป็น CO-FACTOR ของเอนไซม์ PROLINE HYDROXYLASES และ LYSINE HYDROXYLASES ทำให้โมเลกุลคอลลาเจนเสถียรมากขึ้น และที่สำคัญคือวิตามินซีมีส่วนช่วยในด้านการบำรุงผิวพรรณโดยเป็นตัวยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ TYROSINASE แล้วไปลดการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำดูจางลง และปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยแสงแดด (อ้างอิง)

 ● VITAMIN E(TOCOTRIENOL)
ถ้าคุณๆ กินวิตามินซีร่วมกับวิตามินอี ก็จะยิ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากวิตามินอีมีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระเหมือนกัน แต่ถ้ากินเป็นฟอร์ม TOCOTRIENOL ก็จะดีขึ้นไปอีก เนื่องจากเป็นวิตามินอีที่ไม่อิ่มตัวทำให้สามารถแทรกตัวในผนังเซลล์ได้ เลยสามารถช่วยฟื้นฟูชั้นเซลล์ผิวได้ดี แถมยังสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีรูปแบบเดิม(TOCOPHEROL) ถึง 60 เท่า ที่สำคัญคือมีฤทธิ์ปกป้องแสง(PHOTOPROTECTIVE) ก็คือช่วยลดความเสียหายของผิวที่เกิดจาก UVB ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ด้วย (อ้างอิง)

● ASTAXANTHIN
สำหรับ ASTAXANTHIN ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็น SUPER ANTIOXIDANT ที่เน้นไปกำจัด SINGLET OXIGEN ซึ่งเป็นส่วนนึงของสารอนุมูลอิสระ และสามารถกำจัดสารอนุมูลอิสระได้ดีกว่า VITAMIN C ถึง 6,000 เท่า และมากกว่าวิตามินอี 110 เท่า ช่วยบำรุงสุขภาพหลายด้าน แต่ถ้าเรื่องผิวจะเน้นไปที่การลดริ้วรอย ช่วยชะลอวัย และเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนโดยการยับยั้งการสร้างโปรตีน MMP-1 และ MMP-3 ทำให้การสร้างคอลลาเจนในเซลล์เพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือ ASTAXANTHIN มีคุณสมบัติเป็น PROOXIDATIVE ที่ถึงแม้จะกินในปริมาณเยอะๆก็จะไม่เปลี่ยนเป็นอนุมูลอิสระมาทำร้ายร่างกายเราซะเอง แถมยังมีคุณสมบัติเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย (อ้างอิง)

● เมื่อกิน VITAMIN C + VITAMIN E(TOCOTRIENOL) + ASTAXANTHIN คู่กัน                               ถ้ากินวิตามินซี คู่กับวิตามินอี จะถือว่าเป็น SUPER ANTIOXIDANT ที่เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงมากๆ มีส่วนช่วยในเรื่องผิว ทำให้ผิวแลดูสุขภาพดี แถมยังช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ดีมากอีกด้วย แถมการกิน ASTAXANTHIN คู่กับ TOCOTRIENOL ก็มีรายงานวิจัยค่อนข้างเยอะ พบว่าจะทำหน้าที่เป็น SYNERGISTIC EFFECT แล้วกระตุ้นให้เกิดการกำจัดแบบเสริมฤทธิ์กันโดยปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมเลกุลระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระทั้งสองชนิด หรือก็คือช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีขึ้นนั้นเองนะ (อ้างอิง)

ดังนั้นเมื่อกินทั้ง ASTAXANTHIN วิตามิน อี และวิตามิน ซี ร่วมกันจะยิ่งเสริมฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และวงจร ANTIOXIDANT ในเซลล์จะทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด ต้านผิวแก่ก่อนวัย เนื่องจากแสงแดด และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้อีกด้วย แล้วตอนนี้อาหารเสริม ASTAXANTHIN ก็มักจะเติม วิตามิน อี และวิตามิน ซี เข้ามาด้วยในสูตร ให้ครบจบในที่เดียวกันเลยละค่ะ

2. COLLAGEN + HYALURONIC ACID

● COLLAGEN
COLLAGEN มีหน้าที่หลักคือช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเด้ง อิ่มฟู ซึ่งยิ่งหน้าเป็นคอลลาเจนโมเลกุลเล็กก็จะยิ่งดูดซึมได้ดีขึ้น แถมถ้าแบรนด์ไหนมีการมีการล็อคคู่กรดอะมิโนมาด้วย ก็จะสามารถบำรุงผิวได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ควรมีการเรียงตัวของกรดอะมิโนที่ใกล้เคียงกับคอลลาเจนในชั้นผิวถ้าเป็น COLLAGEN TRIPEPTIDE ก็ควรมีการเรียงตัวเป็นแบบ Gly-Pro-Hyp แต่ถ้าเป็น COLLAGEN DIPEPTIDE ควรเป็นโครงสร้าง (Pro-Hyp) หรือ (Hyp-Gly) นั่นเอง (อ้างอิง)

● HYALURONIC ACID
ส่วนใหญ่เราจะเจอแต่ในสกินแคร์ใช่ไหมคะ แต่จริงๆแล้วเขามีแบบกินด้วยนะ แต่ส่วนมากก็จะมาในรูปแบบเม็ดหรืออาจจะเติมเข้ามาเป็นส่วนผสมร่วมกับอาหารเสริมคอลลาเจนไปเลยก็มี ไฮยาเป็นสารสำคัญที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ในชั้นผิวหนังแท้ แต่จะผลิตได้น้อยและช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น ก็คือยิ่งอายุมากก็จะยิ่งผลิตน้อยลงเรื่อยๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือเกิดเป็นปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง มีริ้วรอย หรือผิวแก่ก่อนวัย แถมยังมีรายงานพบว่าการกิน HYALURONIC ACID 120 mg/วัน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ จะช่วยเสริมในเรื่องของผิวพรรณ ทำให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่มขึ้น และที่สำคัญพบว่าริ้วรอยลดลงอีกด้วย (อ้างอิง)

● เมื่อกิน COLLAGEN + HYALURONIC ACID คู่กัน
จะได้ทั้งเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้มีมากขึ้น พอทั้งสองทำงานร่วมกันก็สามารถหวังผลในด้านการลดริ้วรอย ลดปัญหาผิวไม่กระชับ ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูเด้ง อิ่มฟูได้

มีรายงานที่ทดสอบโดยให้ทาน COLLAGEN ร่วมกับ HYALURONIC ACID และวิตามินอื่นๆ เป็นเวลา 60 วัน พบว่าการทำให้ปัญหาผิวแห้ง มีริ้วรอย และมีริ้วรอยร่องแก้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นใครอยากเห็นผลชัดเรื่องลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ก็ต้องคู่นี้เลยค่ะ

3. FISH OIL + VITAMIN D

● FISH OIL
FISH OIL มีส่วนสำคัญอย่างมากในการลดการอักเสบในร่างกายที่เป็นต้นตอของการเกิดโรค ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง หรือผิวแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ยังช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ลดความดันโลหิต ลดการอุดตันของลิ่มเลือด และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งถ้าดูจากกลไกนี้จะเห็นเลยว่า EPA จาก OMEGA-3 ไปช่วยบล็อกการทำงานของ DELTA-5 DESATURASE ไม่ให้เกิด ARACHIDONIC ACID ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเนอะ (อ้างอิง)

● VITAMIN D
หลายคนจะพอรู้ว่าวิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมให้เข้าสู่กระดูก เพื่อช่วยให้กระดูกแข็งแรง และต้องใช้ในฟอร์มวิตามินดี 3 แต่ความสำคัญของวิตามินดีนอกจากนั้นคือ มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะ RECEPTOR แทบทุกตัวที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันมีวิตามินดีเป็นองค์ประกอบ นอกจากนั้นวิตามินดียังช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนินมากขึ้น ก็เลยมีผลช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ และที่สำคัญในด้านการบำรุงผิวพรรณ วิตามินดีมีส่วนช่วยในการแบ่งเซลล์(CELL PROLIFERATION) และการพัฒนาเซลล์เพื่อไปทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนสึกหรอต่างๆ และช่วยชะลอวัยของผิวได้
(อ้างอิง)

● เมื่อกิน FISH OIL + VITAMIN D คู่กัน
ถือว่าเป็นคู่ที่ช่วยต้านความแก่ได้ดีมาก พอทำงานร่วมกันแล้วมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของร่างกาย ลดความเสื่อมของเซลล์ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แถมยังช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นด้วย

มีรายงานพบว่าการเสริมด้วยวิตามินดี 3 ในปริมาณสูงทุกวัน ร่วมกับโอเมก้า 3 ร่วมกับ SIMPLE HOME EXERCISE PROGRAM(SHEP) แสดงให้เห็นการลดลงโดยรวมของความเสี่ยงต่อมะเร็งในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีและแข็งแรง

4. MAGNESIUM + VITAMIN B6 และ B12

● MAGNESIUM
MAGNESIUM เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราหลับง่ายขึ้น เพราะสามารถไปเพิ่มสารสื่อประสาท GABA ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมอง ช่วยเพิ่มการผ่อนคลาย ลดความเครียดและทำให้หลับสนิทมากขึ้น ที่สำคัญคือมีรายงานที่ทดสอบโดยคนตุรกีกว่า 3,262 คนในอายุระหว่าง 20-64 ปีพบว่าการกิน MAGNESIUM ทำให้คุณภาพในการนอนหลับดีขึ้นด้วยนะ (อ้างอิง)

● VITAMIN B6 และ B12
จริงๆแล้ววิตามินบีมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายตื่นตัว เนื่องจากมีหน้าที่เปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานได้ และยังช่วยผลิตฮอร์โมนเพื่อมากระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมองได้ด้วย แต่สำหรับ VITAMIN B6 และ B12 จะมีความพิเศษตรงที่ช่วยในเรื่องการนอนหลับและผ่อนคลายได้ อย่าง VITAMIN B6 ก็มีส่วนช่วยสร้าง SEROTONIN ทำให้การนอนหลับดีขึ้น ส่วน VITAMIN B12 ช่วยให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินได้โดยตรงเลยค่ะ (อ้างอิง)

● เมื่อกิน MAGNESIUM + VITAMIN B6 และ B12 คู่กัน
เสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยให้พลังงานแก่เซลล์ และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ด้วย ใครที่มีปัญหานอนหลับ เพลียง่าย อ่อนล้าบ่อยๆแนะนำคู่นี้เลย แต่แนะนำว่าให้กินวิตามินบีในตอนเช้า ส่วนแมกนีเซียมให้กินตอนเย็นน้า แต่ถ้าใครกินแยก บี6 หรือ บี12 ก็สามารถกินก่อนนอนร่วมกับแมกนีเซียมได้เลยค่ะ

ในรายงานพบว่าเมื่อกินคู่กัน จะทำให้มีประสิทธิภาพในการจัดการความเครียดในบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรง และส่งผลดีต่อการนอนหลับและการรับรู้ความเจ็บปวดที่ดีขึ้น

5. PREBIOTIC + PROBIOTIC

● PROBIOTIC
โพรไบโอติก เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีที่อยู่ในลำไส้ มีส่วนสำคัญอย่างมากในร่างกายเรา หน้าที่หลักๆก็คือสามารถช่วยเรื่องการปรับสมดุลลำไส้และเสริมภูมิคุ้มกันได้ นอกจากนั้นปัจจุบันยังพบว่าโพรไบโอติกมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลายๆระบบในร่างกายเรา เช่น ผิวหนัง ปอด ตับ ประสาทและสมอง (อ้างอิง)

● PREBIOTIC
พรีไบโอติก เป็นอาหารของ PROBIOTIC อีกที เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตและเสริมการทำงานของโพรไบโอติก เพื่อกระตุ้นให้มีจุลินทรีย์ชนิดดีในร่างกายเยอะๆ (อ้างอิง)

● เมื่อกิน PREBIOTIC + PROBIOTIC คู่กัน
จะช่วยปรับสมดุลลำไส้ ลดปัญหาลำไส้แปรปรวน ท้องอืด อาหารไม่ย่อย พอลำไส้ดีทุกอย่างก็จะทำงานได้ดีขึ้นตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันหรือพวกสิว ผื่นต่างๆก็จะลดลงไปด้วย แต่แนะนำให้กินหลายๆสายพันธุ์ เพราะแต่ละตัวก็ช่วยคนละด้านก็มี หรือจะเลือกเป็นตัวที่สามารถทนกรดและความร้อนได้ด้วยอย่าง B.LACTIS ก็จะดีมากค่ะ 

สรุป

วิตามิน อาหารเสริม ถือเป็นตัวช่วยเติมสารอาหารได้ จากการที่ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างไป ซึ่งนอกจากเราจะกินเพื่อทดแทนสารอาหารที่ขาดหายไปแล้ว บางคนยังกินเพื่อบำรุงส่วนต่างๆ อีกด้วยนะ และถึงแม้คุณๆ แต่ละคนจะมีวัตถุประสงค์ในการกินที่แตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายที่มีเหมือนกันนั่นก็คือเมื่อกินวิตามินเข้าไปแล้ว เราจะทำอย่างไรให้วิตามินที่กินเข้าไป ร่างกายสามารถดูดซึมได้เต็มที่ ดังนั้น การจับคู่อาหารเสริมที่ถูกต้องจะช่วยให้วิตามินสามารถมีประสิทธิภาพ และทำงานด้วยกันแบบเห็นผลจริง 

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

1847

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “