เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 1920

2024-09-06 18:00

(กูรูเช็ค) รีวิววิตามินที่ช่วยลด AGEs ตัวการหลักที่ทำให้ผิวแก่!

กูรูเช็ค

โดยปกติเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย มักจะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น อาการเสื่อมมักเกิดขึ้นจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลให้เกิดความเสื่อม และตัวการที่ทำให้ผิวแก่หรือเซลล์ในร่างกายเราเสื่อมลง ตัวการหลักก็คือน้ำตาล!!

คุณๆ คงเคยได้ยินว่า “น้ำตาลคือยาพิษ” อันนี้ตามหลัก ANTI-AGING  เป็นเพราะน้ำตาลจะให้ END PRODUCT สุดท้ายของการเผาผลาญเป็น AGEs หรือ ADVANCED GLYCATION END PRODUCTS ที่เป็นตัวการทำร้ายโครงสร้างของโปรตีนในร่างกายเราแล้วแสดงผลออกมาทางผิวหนัง ทำให้ผิวเราดูเหี่ยวย่นนั่นเอง

กูรูเช็คเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก AGEs ซึ่งบอกเลยว่าใครที่กำลังประสบปัญหาผิวเหี่ยว ดูมีริ้วรอย หน้าดูแก่ก่อนวัย เพราะตัวการสำคัญที่ทำให้่ผิวเราดูแก่ก็เกิดจาก AGEs นั่นเองค่ะ!! ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนว่า AGEs คืออะไร?

• ADVANCED GLYCATION END PRODUCTS(AGEs) คืออะไร?

ADVANCED GLYCATION END PRODUCTS(AGEs) คือ สารที่ทำให้ร่างกายเกิดการเสื่อมสภาพแล้วเห็นเป็น AGING ขึ้นมา ยิ่งร่างกายได้รับ AGEs มาก ผิวหนังก็จะยิ่งเหี่ยวไว แถมยังส่งผลให้อวัยวะภายในเสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย

AGEs เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลสูงหลังจากทานอาหารที่มี AGEsอยู่แล้ว หรือสูงจาก PROCESS ของร่างกายที่สร้างขึ้นมา หรือแม้กระทั่งสูงจากการที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน เพราะฉะนั้น AGEs สามารถส่งผลกระทบได้ทุกคนเลย ทั้งคนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งถ้าโรคเบาหวานก็จะยิ่งไปกันใหญ่นะ (อ้างอิง)

แบบไหนที่เรียกว่าน้ำตาลสูง? แล้วปริมาณน้ำตาลที่ควรทานใน 1 วันคือเท่าไร?
โดยกูรูเช็คจะแบ่งให้เป็นแบบเพศหญิงและเพศชายนะ
- ผู้หญิงที่น้ำหนัก 50-60 kg เป็นกลุ่มคนที่ต้องใช้พลังงาน 1,600 Kcal/วัน ซึ่งแนะนำให้ทานน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชาหรือ 16 g (1 ช้อนชา=4 g)
- สำหรับผู้ชายที่น้ำหนัก 50-60 kg เท่ากัน เป็นกลุ่มคนที่ต้องใช้พลังงาน 2,000 Kcal/วัน แนะนำให้ทานน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาหรือ 24 g เท่านั้น
- ส่วนนักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายหนักๆเขาก็มีแบ่งแยกไปอีก กลุ่มนี้ต้องการพลังงาน 2,400 Kcal/วัน โดยแนะนำให้ทานน้ำตาลไม่เกิน 8 ช้อนชาหรือ 32 g เท่านั้น

• กลไกของ AGEs

เนื่องจาก AGEs เป็นกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ จากนั้นก็จะไปเกาะกับโปรตีนในร่างกาย โดยเฉพาะ COLLAGEN ซึ่งคอลลาเจนนี่ไม่ได้มีเฉพาะที่ผิว แต่ยังมีที่เส้นเลือดของเราอีกด้วยซึ่งสำคัญมาก

- สำหรับที่ผิว เมื่อ AGEs ไปเกาะจะทำให้ COLLAGEN เสื่อมสภาพ ทำให้ COLLAGEN ที่เคยยืดหยุ่นดี จะเกิดอาการแข็งจนเสีย FUNCTION ของ COLLAGEN ไป จึงทำให้ผิวดูมีริ้วรอยเนื่องจากขาดความยืดหยุ่น (อ้างอิง)

- สำหรับที่เส้นเลือด ที่มีอยู่ทั่วทั้งร่างกาย เพราะฉะนั้นพอ AGEs มันไปเกาะโครงสร้างของ COLLAGEN ที่เส้นเลือดก็เลยทำให้เส้นเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่น แล้วเกิดเป็นความดันสูงตามมาได้ ส่วนอีกที่ก็คือไตที่มีเส้นเลือดเยอะมาก สามารถทำให้คนที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วเป็นโรคไตแทรกซ้อนขึ้นมาได้ เพราะ AGEs ทำให้เส้นเลือดที่ไตเสื่อมสภาพได้ แล้วพอเป็นมากๆอาจทำให้ไตวายได้เลยนะ (อ้างอิง)

- สำหรับที่สมอง มีรายงานว่า AGEs ที่สะสมในสมองสามารถทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วยนะ (อ้างอิง)

• อาหารที่มีสาร AGEs อยู่แล้ว มีอะไรบ้าง?

1. อาหารที่ผ่านความร้อนสูงๆ จนเกิดเป็นสีที่เข้มขึ้นหรือสีน้ำตาลขึ้นมา เช่น ขนมปังที่เอาไปอบแล้วขอบๆจะเป็นสีน้ำตาลที่เข้มกว่าตรงกลาง หรืออาหารที่ปรุงด้วยอุณภูมิที่สูงเกิน 100 องศาเซลเซียส อย่างเช่นของทอด ของย่าง หรือแม้กระทั่งขนมที่เอาไปอบ เพราะฉะนั้นอาหารที่ควรทานที่สามารถเลี่ยงการรับ AGEs ได้ก็คืออาหารประเภทต้ม นึ่ง ตุ๋น หรือกินสด
2. นม ชีส พวกนี้ก็มีการผ่าน PROCESS การให้ความร้อนสูงๆ
3. อาหารแปรรูป ของเวฟทั้งหลาย เช่น ไส้กรอก แฮม 
4. อาหารจานด่วน FAST FOOD พวกเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด พิซซ่าก็ไม่รอดเพราะเป็นของมันของทอด
5. อาหารที่มีน้ำตาลสูงๆ อย่างเช่น น้ำหวาน ชานมไข่มุก ขนมปัง หรือแม้กระทั่งน้ำอัดลมที่บอกว่าไม่มีน้ำตาลก็ไม่รอดนะ เพราะกลุ่มนี้ใช้สารทดแทนความหวานเหมือนกัน

ยกตัวอย่างเช่น : เวลาเรากินนมปั่นซึ่งมีการใส่น้ำตาลโดยปกติ อันนี้จะเกิด AGEs ENDOGENOUS ในร่างกายจากการเผาผลาญน้ำตาลอยู่แล้วและผลิตเป็น AGEs ขึ้นมา (อ้างอิง) แล้วถ้าคุณๆราดคาราเมลเป็นท็อปปิ้งด้านบนของน้ำปั่นไปอีก อันนี้เหมือนเราได้รับ AGEs แบบดับเบิ้ลเลย  เพราะคาราเมลทำจากน้ำตาลที่เอาไปเคี่ยวด้วยความร้อนสูงจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเหมือนข้อแรกเลยที่บอกเลย เท่ากับว่าเราได้รับ AGEs ทั้งสองทางเลยนะเพราะคาราเมล= น้ำตาล+AGEs เพราะฉะนั้นให้จำไว้เลยว่าอาหารที่มี AGEs สูงไม่ได้มีแต่น้ำตาลนะ แต่รวมไปถึงอะไรก็ตามที่ผ่าน PROCESS ความร้อนสูงจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลด้วย

อาหารที่ควรทาน ได้แก่
- อาหารที่ให้ค่าน้ำตาลต่ำ หรืออาจจะต้องลองลดน้ำตาล
- อาหารที่ใช้ความร้อนน้อยๆ อย่างเช่น อาหารประเภทลวก ต้ม นึ่ง ตุ๋น หรือกินสด ไม่ว่าจะเป็นสลัดผัก น้ำพริกผักต้ม ยิ่งถ้ากินกับข้าวกล้องก็จะยิ่งดีเพราะสามารถช่วยไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูงได้ด้วยนะ 
- ลำดับในการทานอาหารก็สำคัญ คือก่อนจะกินส่วนอื่นในมื้ออาหารแนะนำให้กินผักเข้าไปก่อน เพราะ FIBER ในผักจะไปลดการดูดซึมน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยให้ร่างกายค่อยๆดูดซึม ไม่สูงไปแบบทันที

มีการศึกษาผลของการกินผักก่อนคาร์โบไฮเดรตต่อระดับน้ำตาลกลูโคสในพลาสมาหลังอาหาร รวมไปถึงศึกษาการควบคุมน้ำตาลในเลือดเป็นเวลา 2.5 ปีในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ผลปรากฏว่าระดับกลูโคสและอินซูลินหลังอาหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อผู้ป่วยทานผักก่อนทานคาร์โบไฮเดรตและพบว่าการควบคุมน้ำตาลในเลือดดีขึ้นอีกด้วย

- สำหรับสายคาเฟอีนแนะนำให้ทานเป็นชาเขียวมากกว่ากาแฟ เนื่องจากชาเขียวสามารถช่วยลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะ CATECHIN ในชาเขียวมีส่วนช่วยในการลดการทำงานของ ENZYME AMYLASE ทำให้ไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่ร่างกายได้ เพราะฉะนั้นก็เลยช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ (อ้างอิง)

มีอีกรายงานที่พบว่าชาเขียวมีสาร EPIGALLOCATECHIN GALLATE (EGCG) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระของโพลีฟีนอลที่ต้านได้ดีกว่า VITAMIN C อีก แถมยังช่วยในการขับสารพิษในร่างกายแบบจับกับโลหะหนัก และช่วยในการช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ลดการอักเสบ และเพิ่มเผาผลาญได้ด้วยนะ

- VITAMIN B1(THIAMINE) 
สามารถช่วยกำจัด AGEs ออกจากร่างกายได้  มีรายงานพบว่าการใช้อนุพันธ์ไทอามีนที่ละลายในไขมัน อย่างเช่น BENFOTIAMINE ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถยับยั้งการก่อตัวของ AGEs และลดการบาดเจ็บของไตในหนูทดลองที่เป็นโรคเบาหวานได้ (อ้างอิง)
- VITAMIN B6(PYRIDOXINE) 
สามารถทำลาย AGEs เพื่อลดการสะสม AGEs และลดการอักเสบได้ (อ้างอิง)
- VITAMIN D 
วิตามินดี 4000 IU/วัน ระยะเวลา 3 เดือน ช่วยลดระดับของ AGEs และลดการแสดงออกของยีน RAGE ที่เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในคนไข้โรคเบาหวาน (อ้างอิง)
- VITAMIN C 
มีรายงานพบว่าวิตามมินซี 500 มิลลิกรัม/วัน ระยะเวลา 8 สัปดาห์ ก็ช่วยลดระดับ AGEs และ MDA ในผู้ป่วยเบาหวานได้เช่นกัน (อ้างอิง)

• ตัวอย่างอาหารเสริมที่ลด AGEs

AGE BREAKER เป็นอาหารเสริมจากฝรั่งเศส ทางแบรนด์เขาบอกว่าสกัดจาก ROSEMARRY ที่ให้สารสำคัญอยู่ 2 ตัวก็คือ
- ALAGEBRIUM(ALT-711) เป็นสารที่ทำหน้าที่ไป BREAK พันธะการจับ AGEs กับโปรตีน ทำให้ โปรตีนกลับมามีคุณภาพเหมือนเดิม ว่าง่ายๆก็คือ ALT711 จะไปสลาย AGEs ที่จับกับคอลลาเจนแล้วทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ กลับมามีความยืดหยุ่นและทำงานได้ปกติอีกครั้ง ส่งผลให้ผิวที่เหี่ยวหรือดูมีริ้วรอยดูจางลงได้ (อ้างอิง)
มีอีกรายงานที่ศึกษาในผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว(DHF) พบว่าการรักษาด้วย ALAGEBRIUM(ALT-711) ซึ่งเป็นตัวตัดพันธะกลูโคส วันละ 420 mg เป็นเวลา 16 สัปดาห์ พบว่าช่วยให้การทำงานของหัวใจห้องล่างและหลอดเลือดแดงดีขึ้น รวมทั้งคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย DHF ดีขึ้นอีกด้วย (อ้างอิง)

- AMINOGUANIDINE ที่ช่วยป้องกันการเกิด AGEs ได้  (อ้างอิง)  

เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าอาหารเสริมตัวนี้ดียังไง? บอกเลยว่าเพราะสารทั้งสองตัวนี้ที่ทำงานร่วมกัน ก็คือไป BREAK อันเก่าออก แล้วลดการเกาะกันของ AGEs ตัวใหม่ ก็ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากจะกำจัด AGEs เริ่มมีค่าน้ำตาลในเลือดสูง หรือคนที่อยากลดความชราในร่างกายก็ทานได้เนอะ ใครสนใจก็ไปหาซื้อมาลอง แต่ราคาก็แอบแรงอยู่นะ

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

1920

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “