เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 1693

2025-04-23 11:30

(กูรูเช็ค)อัปเดตอาหารเสริมวิตามินบี มีกี่ฟอร์ม ต่างกันยังไง

วิตามินบี เป็นหนึ่งในวิตามินพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นสำหรับร่างกาย ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ของปฏิกิริยาเผาผลาญสารอาหาร เพื่อนำไปสร้างสารสำคัญต่าง ๆ แก่ร่างกายให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะช่วยบำรุงระบบสมองและประสาท ช่วยลดความเครียดป้องกันโรคซึมเศร้า รวมถึงช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้  ซึ่งวิตามินบีแต่ละรูปแบบมีคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการทำงานที่แตกต่างกัน และอาหารเสริมวิตามินบีตามท้องตลาดมีหลายฟอร์มในปัจจุบันที่ผลิตออกมาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ 

วันนี้กูรูเช็ครวบรวมมาให้แล้วสำหรับฟอร์มของวิตามินบีฉบับอัพเดต ที่ผู้ประกอบการต้องรู้! ก่อนผลิตอาหารเสริมวิตามินบี โดยจะแยกเป็นแต่ละแบบฟอร์ม ดังนี้

1. วิตามินบี1 (thiamine)

วิตามินบี1 หรือ Thiamine เป็นวิตามินที่ละลายน้ำ มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญสารอาหารเพื่อสร้างพลังงาน และสนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและหัวใจ ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม
อัปเดตปริมาณวิตามินบี1 ในอาหารเสริม : จากเดิมให้ปริมาณสูงสุดอยู่ที่ 1.5 mg ปรับใหม่เป็น 100 mg

ข้อดีของวิตามินบี1
- ช่วยสร้างพลังงาน: Thiamine เป็นโคเอนไซม์ในรูปแบบ Thiamine Pyrophosphate (TPP) ซึ่งช่วยในกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันให้เป็นพลังงาน
- ช่วยดูแลระบบประสาท: มีบทบาทในการส่งสัญญาณประสาทและการผลิตสารสื่อประสาท เช่น Acetylcholine ช่วยลดความเสี่ยงโรคทางสมอง เช่น Wernicke-Korsakoff Syndrome
- ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา: การขาด Thiamine อาจทำให้เกิดอาการเหน็บชา แขนขาอ่อนแรง หรืออาการทางหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ: มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายต่อเซลล์ประสาทและหลอดเลือด
- เหมาะสำหรับผู้มีภาวะเสี่ยง: เช่น ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการดูดซึม
ข้อเสียของวิตามินบี1
- ผลข้างเคียงจากการใช้เกินขนาด: แม้ Thiamine จะละลายน้ำและถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่การรับประทานในปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้ชีพจรเต้นเร็ว นอนไม่หลับ หรือเกิดผลกระทบต่อการดูดซึมวิตามินบีชนิดอื่น
- ปฏิกิริยาแพ้: ในบางกรณี การฉีด Thiamine อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน แน่นหน้าอก หรือช็อก ซึ่งพบได้น้อย
- ข้อจำกัดในการดูดซึม: ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น Crohn’s Disease หรือผู้ที่บริโภคอาหารที่มีเอนไซม์ Thiaminase (เช่น กุ้งดิบ) อาจจะลดการดูดซึม Thiamine

กลไกการออกฤทธิ์ในร่างกาย
1. กระบวนการเผาผลาญพลังงาน:
- Thiamine ถูกเปลี่ยนเป็น Thiamine Pyrophosphate (TPP) ซึ่งเป็นรูปแบบออกฤทธิ์ที่ช่วยในกระบวนการ Decarboxylation ของ Pyruvate และ Alpha-Keto Acids เพื่อผลิต Acetyl-CoA สำหรับวงจร Krebs Cycle
- หากขาด Thiamine จะเกิดการสะสมของ Pyruvic Acid และ Lactic Acid ซึ่งนำไปสู่ภาวะ Lactic Acidosis
2. ดูแลระบบประสาท:
- TPP ช่วยสร้าง Ribose สำหรับ DNA/RNA และ NADPH ที่จำเป็นต่อการสร้างไขมันและสารสื่อประสาท
- ลดความเสียหายของเซลล์ประสาทจากอนุมูลอิสระและปรับปรุงกระแสประสาทในระบบกลางและส่วนปลาย
- บทบาทในระบบหัวใจและหลอดเลือด:
ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจจากการสะสมของ Lactic Acid และ Pyruvate ในเลือด

งานวิจัยเกี่ยวกับวิตามินบี1
- ผลต่อระบบประสาท: การใช้ Thiamine ในผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรังช่วยลดความเสี่ยงของ Wernicke’s Encephalopathy และ Korsakoff Syndrome ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ผลต่อระบบหัวใจ: การเสริม Thiamine ช่วยปรับปรุงการทำงานของหัวใจในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โดยลดระดับ Lactic Acid ในเลือด
- ผลต่อพลังงาน: การใช้ Thiamine ช่วยเพิ่มกิจกรรมของเอนไซม์ Pyruvate Dehydrogenase ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานและลดความเหนื่อยล้าในผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร (อ้างอิง)

เหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน
วิตามินบี1 เหมาะกับสูตรอาหารเสริมแบบวิตามินบีรวมมากที่สุด โดยเฉพาะสูตรที่ผสมวิตามินบีหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 2 3 6 12 และอาจมีส่วนผสมของไบโอติน (บี7), กรดโฟลิก (บี9) หรือไนอะซิน (บี3) ร่วมด้วย สูตรแบบนี้จะช่วยเสริมฤทธิ์กันในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน ดูแลระบบประสาท สมอง กล้ามเนื้อ และลดความเสี่ยงเหน็บชาได้ดีกว่าการรับประทานวิตามินบี 1 เดี่ยว ๆ

สูตรที่ควรหลีกเลี่ยง
- สูตรที่มีแต่วิตามินบี 1 เดี่ยว เหมาะกับกรณีที่ขาดวิตามินบี 1 อย่างรุนแรงหรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น
- สูตรที่มีปริมาณวิตามินบี 1 ต่ำหรือไม่มีวิตามินบีตัวอื่นร่วมด้วย อาจไม่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
ตัวอย่างสูตรอาหารเสริมที่เหมาะสม
- วิตามินบีคอมเพล็กซ์ (B Complex) ที่ประกอบด้วย บี1, บี2, บี3, บี5, บี6, บี7, บี9, บี12
- สูตรเม็ดเคลือบสองชั้นหรือแคปซูลที่ให้การปลดปล่อยวิตามินอย่างต่อเนื่อง
- สูตรที่มีสารอาหารเสริม เช่น โคลีน อินโนซิทอล หรือวิตามินซี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ตัวอย่างอาหารเสริมที่ใช้วิตามินบี 1

Dr.mercola vitamin b complex with benfotiamine อาหารเสริมวิตามินบี เป็นสูตรที่มี Benfotiamine ซึ่งเป็นฟอร์มที่เพิ่ม Bioavailability ให้กับวิตามินบี1 และมีการจดสิทธิบัตร PANMOL VITAMIN B COMPLEX โดยมีความเข้มข้นของวิตามินบีสูงกว่าที่พบในธัญพืช ช่วยดูแลระบบภูมิคุ้มกัน และสมอง

2. วิตามินบี2 (riboflavin)

วิตามินบี2 หรือไรโบฟลาวิน เป็นวิตามินที่ละลายน้ำ มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญพลังงานและการทำงานของเอนไซม์ในร่างกาย โดยเฉพาะในกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนสุขภาพผิว ผม เล็บ และสายตา
อัปเดตปริมาณวิตามินบี2 ในอาหารเสริม : จากเดิมปริมาณสูงสุดอยู่ที่ 1.7 mg  ปรับใหม่เป็น 40 mg

ข้อดีของวิตามินบี2
- ช่วยเผาผลาญพลังงาน: Riboflavin เป็นสารตั้งต้นของโคเอนไซม์ FMN (Flavin Mononucleotide) และ FAD (Flavin Adenine Dinucleotide) ซึ่งจำเป็นในกระบวนการผลิตพลังงานจากอาหาร
- ดูแลสุขภาพผิวและสายตา: ช่วยลดอาการตาล้า บำรุงสายตา และอาจช่วยลดความเสี่ยงของต้อกระจก
- เสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง: สนับสนุนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและเพิ่มประสิทธิภาพการนำออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
- ต้านอนุมูลอิสระ: Riboflavin ช่วยสร้าง Reduced Glutathione ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญในร่างกาย
- ลดความเจ็บปวดจากไมเกรน: งานวิจัยบางชิ้นพบว่า Riboflavin อาจช่วยลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้
ข้อเสียของวิตามินบี2
- ผลข้างเคียงจากการได้รับเกินขนาด:โดยทั่วไป Riboflavin ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นพิษ เนื่องจากส่วนที่เกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่ปัสสาวะอาจมีสีเหลืองเข้ม ซึ่งไม่เป็นอันตราย
- ในกรณีที่ได้รับในปริมาณสูงมาก อาจเกิดอาการแสบร้อนหรือหมดสติได้ แต่พบได้น้อยมาก
- ข้อจำกัดในการดูดซึม: การดูดซึม Riboflavin อาจลดลงในผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับลำไส้ เช่น Crohn’s Disease หรือผู้ที่บริโภคแอลกอฮอล์เรื้อรัง
- ปฏิกิริยากับยาอื่น ๆ: ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดหรือยาปฏิชีวนะ อาจลดประสิทธิภาพการดูดซึมของ Riboflavin

กลไกการออกฤทธิ์ในร่างกาย
1. กระบวนการเผาผลาญพลังงาน:
- FMN และ FAD ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ในปฏิกิริยา Redox (Oxidation-Reduction Reactions) ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนให้เป็นพลังงาน (ATP)
2. สนับสนุนระบบต้านอนุมูลอิสระ:
- FAD เป็นส่วนประกอบสำคัญของเอนไซม์ Glutathione Reductase ซึ่งช่วยสร้าง Reduced Glutathione เพื่อต้านอนุมูลอิสระในเซลล์
3. ส่งเสริมสุขภาพสายตาและผิวหนัง:
- Riboflavin ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในเลนส์ตาและผิวหนัง ชะลอความเสื่อมของเซลล์
4. ช่วยในการเปลี่ยนวิตามินชนิดอื่นให้ใช้งานได้:
- Riboflavin มีบทบาทในการเปลี่ยน Tryptophan เป็น Niacin (Vitamin B3) และเปลี่ยน Vitamin B6 ให้เป็น Pyridoxal 5'-Phosphate (P-5-P) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้งานได้

งานวิจัยเกี่ยวกับวิตามินบี2
- งานวิจัยพบว่า Riboflavin ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภาวะขาดวิตามินนี้
- การเสริม Riboflavin ในปริมาณ 400 มก./วัน ลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้อย่างมีนัยสำคัญ
- การศึกษาชี้ว่า Riboflavin มีบทบาทสำคัญในการรักษาระดับ Homocysteine ซึ่งสัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (อ้างอิง)

เหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน
วิตามินบี2 เหมาะกับสูตรอาหารเสริมวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) มากที่สุด เนื่องจากวิตามินบี 2 ทำงานร่วมกับวิตามินบีชนิดอื่นๆ ในกระบวนการเผาผลาญอาหารเป็นพลังงาน บำรุงผิว ผม เล็บ สายตา และระบบประสาท การรับประทานแบบรวมจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของแต่ละตัวและป้องกันการขาดวิตามินบีชนิดอื่นร่วมด้วย
สูตรอาหารเสริมที่เหมาะสม
- วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex): ประกอบด้วยบี 1, บี 2, บี 3, บี 5, บี 6, บี 7, บี 9, บี 12 ในสัดส่วนที่เหมาะสม
- สูตรเสริมสารอาหารอื่น: อาจมีการเติมวิตามินซีหรือแร่ธาตุ เช่น ซิงก์ แมกนีเซียม เพื่อเสริมการดูดซึมและบำรุงสุขภาพโดยรวม

ตัวอย่างอาหารเสริมวิตามินบี2

Klaire labs methyl balance activated b vitamins + tmg อาหารเสริมวิตามินบีรวม ที่มีวิตามินB2, B6, B9 และ B12 ที่อยู่ในรูป active form นอกจากนี้ยังมี trimethylglycine (tmg) มีบทบาทสำคัญช่วยลดระดับ homocysteine ในพลาสมาซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรง  กับการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

3. วิตามินบี3 (niacin)

วิตามินบี3 หรือ Niacin มี 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ กรดนิโคตินิก (Nicotinic Acid) และ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ทั้งสองรูปแบบช่วยเสริมการทำงานของร่างกาย เช่น การเผาผลาญพลังงานและการสร้างฮอร์โมนเพศ
Niacin เป็นวิตามินที่ละลายน้ำ ทนต่อความร้อนและแสงได้ดี ร่างกายสามารถสร้าง Niacin จากกรดอะมิโน Tryptophan โดยต้องอาศัยวิตามินบี1, บี2, และบี6 ในกระบวนการนี้ด้วย
อัปเดตปริมาณวิตามินบี3 ในอาหารเสริม โดยแบ่งเป็น
- NICOTINAMIDE : อันนี้ไม่ได้เปลี่ยนนะ ใช้ปริมาณเดิมเลยก็คือ 20 mg NE
- NICOTINIC ACID : จากเดิมปริมาณสูงสุดอยู่ที่ 20 mg NE  ปรับใหม่เป็น 15 mg NE

ข้อดีของวิตามินบี3 
- ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์: Niacin ช่วยลด LDL (คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่ม HDL (คอเลสเตอรอลชนิดดี) พร้อมลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- ดูแลระบบประสาทและสมอง: ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง ลดความเสี่ยงโรคเพลลากรา (Pellagra) ซึ่งเกิดจากการขาดวิตามินบี3
- เพิ่มการไหลเวียนเลือด: ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต และส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
- บำรุงผิวพรรณ: ลดการอักเสบและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดด
- ช่วยเผาผลาญพลังงาน: เป็นส่วนประกอบสำคัญของโคเอนไซม์ NAD+ และ NADP+ ที่ช่วยเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงาน
- ความทนทานทางเคมี: Niacin มีความเสถียรสูง ทนต่อความร้อนและแสง ทำให้เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและการปรุงอาหาร
ข้อเสียของวิตามินบี3
ผลข้างเคียงทั่วไป
- อาการ Flushing (ตัวร้อน หน้าแดง): เกิดจากหลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้รู้สึกตัวร้อน หน้าแดง หรือคันตามตัวเมื่อรับประทานในปริมาณสูงกว่า 30 มิลลิกรัม
- คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือท้องเสีย เมื่อรับประทานขณะท้องว่าง
ผลข้างเคียงที่รุนแรง
- การใช้ในปริมาณสูง (มากกว่า 100 มิลลิกรัม/วัน) อาจทำให้เกิดภาวะตับอักเสบหรือผิดปกติ
- เพิ่มระดับกรดยูริกในเลือด อาจกระตุ้นโรคเกาต์หรือปวดข้อ
- อาจลดความสามารถในการควบคุมน้ำตาลในเลือด ทำให้อาการเบาหวานรุนแรงขึ้น
ปฏิกิริยากับยาอื่น ๆ
- ไม่ควรรับประทานร่วมกับยาลดไขมัน เช่น Colestipol หรือ Cholestyramine เพราะอาจลดประสิทธิภาพของยาเหล่านี้
- หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์ ยานอนหลับ หรือฮอร์โมนเอสโตรเจน เพราะอาจเพิ่มผลข้างเคียง

กลไกการออกฤทธิ์ในร่างกาย
1. การเผาผลาญพลังงาน
- NAD+ และ NADP+ ช่วยในกระบวนการ Redox (Oxidation-Reduction) เพื่อเปลี่ยนสารอาหารเป็น ATP ซึ่งเป็นพลังงานที่เซลล์ใช้ในการดำรงชีวิต
2. การลดระดับไขมันในเลือด
- Niacin ยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไขมันในตับ ลด LDL และไตรกลีเซอไรด์ พร้อมเพิ่ม HDL ผ่านกระบวนการส่งกลับไขมันไปยังตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย
3. การซ่อมแซมเซลล์และ DNA
- NAD+ มีบทบาทในการซ่อมแซม DNA และควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ รวมถึงช่วยปรับปรุงสุขภาพเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อ

เหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน
วิตามินบี3 เหมาะกับอาหารเสริมสูตรวิตามินรวมเช่นกัน มักถูกใส่ในสูตรวิตามินบีรวมร่วมกับบี 1, บี 2, บี 5, บี 6, บี 12 เพื่อเสริมฤทธิ์กันในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน ดูแลระบบประสาท สมอง และระบบย่อยอาหาร เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพโดยรวม ป้องกันการขาดวิตามินบีหลายชนิด และเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในชีวิตประจำวัน
สูตรอาหารเสริมที่เหมาะสม
- วิตามินบีรวมร่วมกับบี 1, บี 2, บี 5, บี 6, บี 12
- สูตรอาหารเสริมเฉพาะทาง อย่างสูตรลดไขมันในเลือด วิตามินบี 3 ขนาดสูง (Niacin) บางสูตรใช้ร่วมกับสารลดไขมันอื่น เช่น โอเมก้า-3 หรือใยอาหาร เพื่อช่วยลด LDL เพิ่ม HDL และลดไตรกลีเซอไรด์ในผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ตัวอย่างอาหารเสริมวิตามินบี3

Life Extension VitaminB 3 Niacin อาหารเสริมวิตามินบี3 ที่ประกอบด้วย  Niacin(Vitamin B3 500 mg) วิตาช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย เสริมสร้างการเผาผลาญน้ำตาลกลูโคส ไขมัน และกระตุ้นการผลิตพลังงาน

4. วิตามินบี5 (pantothenic acid)

วิตามินบี5 หรือกรดแพนโทธีนิค (Pantothenic Acid) เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ดีและมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงานและการสังเคราะห์สารชีวโมเลกุล เช่น โคเอนไซม์เอ (Coenzyme A) ซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ซึ่งรูปแบบในอาหารเสริม มักอยู่ในรูป Calcium Pantothenate หรือ Dexpanthenol ซึ่งมีความเสถียรและดูดซึมได้ดี
อัปเดตปริมาณวิตามินบี5 ในอาหารเสริม : ซึ่งเป็นตัว PANTHOTHENIC ACID จากเดิมปริมาณสูงสุดอยู่ที่ 6 mg  ปรับใหม่เป็น 200 mg

ข้อดีของวิตามินบี5 
- ช่วยเผาผลาญพลังงาน: เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ Coenzyme A ซึ่งจำเป็นสำหรับกระบวนการเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนให้เป็นพลังงาน
- สนับสนุนสุขภาพผิวและผม: ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิวหนัง และลดการเกิดสิวโดยควบคุมการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมัน
- ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง: สนับสนุนการสร้างฮีโมโกลบินและเพิ่มประสิทธิภาพในการนำออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ
เสริมภูมิคุ้มกัน: ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมหมวกไตในการผลิตฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
- สมานแผลและลดการอักเสบ: ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิวหนังและลดรอยแดงจากแผลหรือสิว
ข้อเสียของวิตามินบี5
- ผลข้างเคียงทั่วไป การรับประทานในปริมาณสูง (มากกว่า 10 กรัม/วัน) อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง หรือคลื่นไส้
- อาจรบกวนการดูดซึมของวิตามินอื่น เช่น ไบโอติน (Biotin) หากได้รับในปริมาณสูงเกินไป
- ปฏิกิริยากับยาและสารอื่น ๆ อาจลดประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น Tetracycline
- ไม่ควรใช้ร่วมกับยากลุ่ม Cholinesterase Inhibitors ที่ใช้รักษาโรคอัลไซเมอร์ เพราะอาจเพิ่มผลข้างเคียงของยา

กลไกการออกฤทธิ์ในร่างกาย
1. การสังเคราะห์ Coenzyme A (CoA)
- Pantothenic Acid เป็นองค์ประกอบสำคัญของ CoA ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึม
- ช่วยเปลี่ยนกรดไขมันให้เป็นพลังงานผ่าน Krebs Cycle
- มีส่วนร่วมในการสังเคราะห์ไขมัน ฮอร์โมน และสารสื่อประสาท เช่น อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine)
2. การปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ
- Pantothenic Acid ช่วยเพิ่มระดับกลูตาไธโอน (Glutathione) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในการปกป้องเซลล์จากความเสียหาย

งานวิจัยเกี่ยวกับวิตามินบี5
- งานวิจัยพบว่า Pantothenic Acid สามารถช่วยลดสิวได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสิวระดับเล็กน้อยถึงปานกลางเมื่อรับประทานต่อเนื่อง 12 สัปดาห์
- การศึกษาเกี่ยวกับผลต่อระดับไขมันในเลือด พบว่า Pantothenic Acid อาจช่วยลดระดับ LDL และไตรกลีเซอไรด์ แต่ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์นี้

เหมาะกับสูตรอาหารเสริมแบบไหน
วิตามินบี 5 เหมาะกับอาหารเสริมวิตามินบีรวมอีกเช่นกัน โดยผสมวิตามินบี 5 กับวิตามินบีตัวอื่น เช่น B1, B2, B3, B6, B12 เพื่อเสริมการเผาผลาญพลังงานและบำรุงระบบประสาท
อาหารเสริมสูตรลดไขมันในเลือด ใช้ร่วมกับอาหารเสริมลดไขมัน เช่น โคเอนไซม์ เอ(Coenzyme A) ในผู้ป่วยไขมันสูง(ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์)

ตัวอย่างอาหารเสริมที่มีวิตามินบี 5

Bulk Supplement. com Vitamin B5  อาหารเสริมวิตามินบี 5 ปริมาณ 500 mg มี Pantothenic Acid / แคลเซียม ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม สูตรนี้ช่วยในการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ให้พลังงาน ช่วยให้อารมณ์ดี ดูแลสุขภาพผิว เสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม เสริมสร้างข้อต่อ และช่วยให้สมองแข็งแรง ซึ่งกรดแพนโทธีนิกและแคลเซียมแพนโทธีเนตในสูตรนี้ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินบี 5 ได้อย่างดี

5. วิตามินบี6 (pyridoxine)

วิตามินบี 6 หรือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสารสื่อประสาท 2 ชนิดที่สำคัญต่อการทำงานของร่างกาย ได้แก่ สารเซโรโทนิน (Serotonin) สารเคมีที่จำเป็นต่อสมองและระบบประสาท มีผลต่อกระบวนการคิด พฤติกรรม และอารมณ์ หากร่างกายของเรามีสารเซโรโทนินในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยให้สุขภาพจิตดี อารมณ์คงที่ และมีสมาธิที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น 
อัปเดตปริมาณวิตามินบี6 ในอาหารเสริม : ใช้ปริมาณเท่าเดิม อยู่ที่ 2 mg

ข้อดีของวิตามินบี6
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ช่วยให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีและเม็ดเลือดแดง เสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน
- บำรุงระบบประสาทและสมอง: มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์สารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน นอร์อิพิเนฟริน และโดปามีน ส่งผลต่ออารมณ์ สมาธิ และพฤติกรรม
- ช่วยเมตาบอลิซึม: เป็นโคเอนไซม์ในปฏิกิริยาเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน รวมถึงการเปลี่ยนทริปโตเฟนเป็นไนอะซิน (วิตามินบี 3)
- ป้องกันโรคหัวใจ: ร่วมกับโฟเลตและบี 12 ในการลดระดับโฮโมซิสเทอีนในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ป้องกันนิ่วในไต: เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติและช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต
- บรรเทาอาการคลื่นไส้: ใช้ลดอาการคลื่นไส้ในหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ใช้ยาบางชนิด เช่น isoniazid
- บำรุงผิวหนังและกล้ามเนื้อ: ป้องกันโรคผิวหนัง ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง มือชา ขาเป็นตะคริว และปลายประสาทอักเสบบางชนิด
ข้อเสียของวิตามินบี6
- พิษจากการรับประทานเกินขนาด: หากได้รับวิตามินบี 6 ในปริมาณสูงต่อเนื่อง (เช่น มากกว่า 50 มก./วัน เป็นเวลานาน) อาจเกิดอาการเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ เช่น ชา แสบร้อน หรือเสียวแปลบที่มือและเท้า หากรุนแรงอาจทำให้เดินลำบากหรือสูญเสียความรู้สึกได้
- อาการข้างเคียงอื่น: ในบางรายอาจมีอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ฝันแปลก ๆ หรือปัญหาทางระบบประสาทอื่น ๆ หากรับประทานเกินขนาด
- ปฏิกิริยากับยา: วิตามินบี 6 อาจลดประสิทธิภาพของยาบางชนิด เช่น Levodopa (รักษาโรคพาร์กินสัน) และเพิ่มความเสี่ยงอาการข้างเคียงของยาต้านชักบางชนิด

กลไกการออกฤทธิ์ในร่างกาย
1. รูปแบบออกฤทธิ์: วิตามินบี 6 ในร่างกายจะเปลี่ยนเป็น “ไพริดอกซาล-5-ฟอสเฟต (PLP)” ซึ่งเป็นโคเอนไซม์สำคัญในปฏิกิริยาทางชีวเคมีมากกว่า 140 ชนิด
2. เมตาบอลิซึมของกรดอะมิโน: PLP มีบทบาทในกระบวนการ transamination และ decarboxylation ของกรดอะมิโน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างโปรตีนและสารสื่อประสาท
3. สังเคราะห์สารสื่อประสาท: PLP เป็นโคเอนไซม์ในการสร้างเซโรโทนิน โดปามีน นอร์อิพิเนฟริน และ GABA ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความเครียด และสมาธิ
4. สร้างเม็ดเลือดแดง: มีบทบาทในการสร้างฮีมในเฮโมโกลบินและการสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก (DNA/RNA)
5. ควบคุมระดับโฮโมซิสเทอีน: PLP ช่วยลดโฮโมซิสเทอีนในเลือด ร่วมกับโฟเลตและบี 12

เหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน
- วิตามินบี 6 (Pyridoxine) เหมาะกับสูตรอาหารเสริมแบบวิตามินบีรวม(Vitamin B Complex) มากที่สุด โดยเฉพาะสูตรที่ผสมวิตามินบีหลายชนิด เช่น บี1, บี2, บี3, บี5, บี6, บี7, บี9, บี12 เพราะวิตามินบีแต่ละตัวจะเสริมฤทธิ์กันในการเผาผลาญพลังงาน ดูแลระบบประสาท สมอง และภูมิคุ้มกัน รวมถึงช่วยควบคุมระดับโฮโมซิสเทอีนในร่างกายและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
- สูตรเสริมกรดโฟลิก/บี12 โดยผสมกับกรดโฟลิกและวิตามินบี 12 เสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง ลดความเสี่ยงการเกิดโลหิตจาง

ตัวอย่างอาหารเสริมที่มีวิตามินบี 6

Now  Food B-6 อาหารเสริมวิตามินบี6 ที่ประกอบด้วยวิตามินบี 6 ปริมาณ 100 mg ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือด ช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ลดความเครียด และดูแลระบบประสาทและ สมอง

6. วิตามินบี7 (biotin)

วิตามินบี7 หรือไบโอติน (Biotin) เป็นวิตามินละลายน้ำที่รู้จักในชื่อ "วิตามินเอช (H)" และ "โคเอนไซม์ R" มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึมและการบำรุงสุขภาพผิว ผม และเล็บ
อัปเดตปริมาณวิตามินบี7 ในอาหารเสริม : ในรูปของ BIOTIN จากเดิมปริมาณสูงสุดอยู่ที่ 150 ไมโครกรัม (µg)  ปรับใหม่เป็น 900 ไมโครกรัม (µg)

ข้อดีของไบโอติน
- การเผาผลาญพลังงาน: ทำหน้าที่เป็น โคเอนไซม์ ในปฏิกิริยาการสังเคราะห์กรดไขมัน กลูโคส และกรดอะมิโน
ช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนเป็นพลังงานผ่านวงจรเครบส์ (Krebs cycle)
- บำรุงสุขภาพผิว ผม และเล็บ:เสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนหลักในเส้นผมและเล็บ ช่วยลดปัญหาผมบาง เล็บเปราะ งานวิจัยบางชิ้นระบุว่าการเสริมไบโอตินอาจช่วยลดผมร่วงและสภาพเล็บ
- ดูแลระบบประสาท: มีส่วนร่วมในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทและรักษาการทำงานของเซลล์ประสาท
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ช่วยกระตุ้นการผลิตอินซูลินและปรับสมดุลน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน

ข้อเสียและข้อควรระวัง
- ผลข้างเคียง: การรับประทานในปริมาณสูง (มากกว่า 30 มคก./วัน) อาจทำให้เกิดสิวหรืออาการคันผิวหนังในบางคน 
- อาจเกิดผลลวงในผลตรวจเลือด (เช่น การตรวจฮอร์โมนไทรอยด์หรือหัวใจ) หากได้รับเกิน 5,000 มคก./วัน
- ปฏิกิริยากับยาอื่นๆ เช่น ยากันชัก (เช่น Carbamazepine) และยาปฏิชีวนะบางชนิดอาจลดการดูดซึมไบโอติ

กลไกการออกฤทธิ์
1. Pyruvate carboxylase: เปลี่ยนไพรูเวตเป็นออกซาโลอะซิเตต ในกระบวนการสร้างกลูโคส (Gluconeogenesis)
2. Acetyl-CoA carboxylase: สังเคราะห์กรดไขมันจาก Acetyl-CoA
3. Propionyl-CoA carboxylase: เมตาบอลิซึมกรดอะมิโนและกรดไขมันสายสั้น
4. Methylcrotonyl-CoA carboxylase: เกี่ยวข้องกับการสลายกรดอะมิโนลิวซีน

ข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับไบโอติน
1. สุขภาพเส้นผมและเล็บ:
- งานวิจัยบางชิ้นพบว่าการเสริมไบโอติน 2.5 มก./วัน เป็นเวลา 6 เดือน ช่วยให้เล็บแข็งแรงขึ้น 25% (อ้างอิง)
2. การควบคุมน้ำตาลในเลือด:
- การศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าไบโอตินช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อใช้ร่วมกับโครเมียม

เหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน
- วิตามินบี 7 (ไบโอติน) เหมาะกับสูตรอาหารเสริมแบบวิตามินบีรวม (B Complex) สำหรับบำรุงสุขภาพโดยรวม 
- สูตรเฉพาะทางที่เน้นบำรุงผม เล็บ ผิว โดยผสมกับแร่ธาตุและวิตามินอื่น ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพองค์รวมและผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผม เล็บ ผิวโดยเฉพาะ
- สูตรไบโอตินเดี่ยว หรือผสมกับบวิตามินตัวอื่น เช่น ซิงค์ ซิลิเนียม วิตามินซี เหล็ก กรดโฟลิก เพื่อเพิ่มความแข็งแงของเส้นผม ผิว และเล็บ

ตัวอย่างอาหารเสริมที่มีวิตามินบี 7

Blackmores Biotin H+ อาหารเสริมวิตามินบี 7 ที่มีไบโอติน สังกะสีและซีลีเนียม ช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผม เล็บและผิวหนัง มีวิตามินซีและอี ช่วยกระตุ้นการสร้างเคราติน ลดภาวะผมขาดหลุดร่วง ต้านการอักเสบของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากสนหางม้า, พริก, ชาขาว, ข้าวฟ่างและสาหร่ายเคลป์ เสริมสร้างกระบวนการทำงานของร่างกาย

7. วิตามินบี9 (folic acid)

วิตามินบี9 หรือกรดโฟลิก (Folic Acid) เป็นวิตามินละลายน้ำที่สำคัญต่อการสร้าง DNA การแบ่งเซลล์ และการทำงานของระบบประสาท มีทั้งรูปแบบธรรมชาติ (โฟเลต) ในอาหารและรูปแบบสังเคราะห์ (กรดโฟลิก) ในอาหารเสริม
อัปเดตปริมาณวิตามินบี9 ในอาหารเสริม โดยแบ่งเป็น
- FOLATE : จากเดิมปริมาณสูงสุดอยู่ที่ 200 ไมโครกรัม (µg) ปรับใหม่เป็น 330 ไมโครกรัม ดีเอฟอี (µg DFE)
- FOLIC ACID : ใช้ปริมาณเดิม ก็คือ 200 ไมโครกรัม (µg)

ข้อดีของกรดโฟลิก
- ป้องกันความผิดปกติของท่อประสาทในทารก: การเสริมกรดโฟลิก 400-800 ไมโครกรัม/วัน ในหญิงตั้งครรภ์ ลดความเสี่ยงท่อประสาทไม่ปิด (เช่น ภาวะ Spina Bifida) ได้ 40-80%
- รักษาภาวะโลหิตจางจากขาดโฟเลต: ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะซีดจากโฟเลตต่ำ
- ลดระดับโฮโมซิสเทอีน: ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยทำงานร่วมกับวิตามินบี12 และบี6
- สนับสนุนสุขภาพสมอง: อาจช่วยชะลอความเสื่อมของสมองในผู้สูงอายุและลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์
- ลดผลข้างเคียงจากเมโธเทรกเซต: ใช้ควบคู่กับการรักษาโรคข้ออักเสบหรือมะเร็ง เพื่อลดอาการคลื่นไส้
ข้อเสียและข้อควรระวัง
- ผลข้างเคียง: ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ (พบได้ในขนาดสูงเกิน 1,000 ไมโครกรัม/วัน)
- กรดโฟลิกอาจแก้ไขภาวะโลหิตจางได้ แต่ไม่รักษาอาการขาดบี12 ซึ่งส่งผลต่อระบบประสาท
- ปฏิกิริยากับยาบางชนิด: เช่น ยากันชัก (Phenytoin) และเมโธเทรกเซต อาจลดประสิทธิภาพการรักษา

กลไกการออกฤทธิ์
1. สังเคราะห์ DNA และ RNA: THF ช่วยสร้าง Purines และ Thymidylate สำหรับการแบ่งเซลล์และซ่อมแซม DNA
2. เมแทบอลิซึมของกรดอะมิโน: เปลี่ยนโฮโมซิสเทอีนเป็นเมไธโอนีน ร่วมกับวิตามินบี12
3. สร้างเม็ดเลือดแดง: เสริมการผลิตฮีโมโกลบินและป้องกันภาวะเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ (Megaloblastic Anemia)

เหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน
- สูตรวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) ซึ่งกรดโฟลิกมักถูกผสมในสูตรวิตามินบีรวมร่วมกับบี 1, บี 2, บี 3, บี 5, บี 6, บี 7, และบี 12 เพื่อเสริมฤทธิ์กันในการเผาผลาญพลังงาน สร้างเม็ดเลือดแดง บำรุงระบบประสาท และดูแลสุขภาพโดยรวม
- สูตรเฉพาะทางสำหรับบำรุงเลือดหรือหญิงตั้งครรภ์ เป็นกรดโฟลิกเดี่ยว หรือผสมกับธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 เพื่อเน้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโลหิตจาง และลดความเสี่ยงความผิดปกติของทารกในครรภ์ (เช่น ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด)

ตัวอย่างอาหารเสริมที่มีวิตามินบี 9

21st Century Folic-acid อาหารเสริมวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิก ปราศจากกลูเตน โดยมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการบำรุงเลือด เหมาะสำหรับคนที่มีภาวะเลือดจาง และช่วยบำรุงเลือด

8. วิตามินบี12 (cobalamin)

วิตามินบี 12 (โคบาลามิน) มีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง การเผาผลาญของเซลล์ การทำงานของเส้นประสาท และการผลิต DNA ซึ่งเป็นโมเลกุลภายในเซลล์ที่มีข้อมูลทางพันธุกรรม
ปัจจุบันวิตามินบี 12 จะมีทั้งหมด 4 รูปแบบ คือ ไซยาโนโคบาลามิน , ไฮดรอกโซโคบาลามิน , อะดีโนซิล โคบาลามินและเมทิลโคบาลามิน แต่รูปแบบอาหารเสริมที่มีวางจำหน่ายกันหลัก ๆ จะมีอยุ่ 2 รูปแบบ ได้แก่
- ไซยาโนโคบาลามิน (Cyanocobalamin) มักอยู่ในอาหารเสริมวิตามินรวมหรือวิตามินบีรวม ผลิตได้ง่าย ราคาถูก เหมาะกับบุคคลทั่วไปที่ต้องการเสริมวิตามินบี 12 ทั้งกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน
- เมทิลโคบาลามิน (Methylcobalamin) เป็นวิตามินบี 12 ในรูปแบบที่ออกฤทธิ์ สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่า แต่สังเคราะห์ได้ยากกว่า จึงมีราคาแพง เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ทานยาโรคประจำตัว เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน หรือมีอาการชาปลายประสาท ชาปลายมือปลายเท้า เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ออกฤทธิ์และดูดซึมได้ง่าย สามารถป้องกันและลดอาการที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 12 ได้ดีกว่า
อัปเดตปริมาณวิตามินบี12 ในอาหารเสริม : จากเดิมปริมาณสูงสุดอยู่ที่ 2 ไมโครกรัม (µg)  ปรับใหม่เป็น 600 ไมโครกรัม (µg)

ข้อดีของวิตามินบี12
1. สนับสนุนระบบประสาทและสมอง
- ช่วยสร้างเยื่อไมอีลิน (Myelin Sheath) ที่ห่อหุ้มเส้นประสาท ป้องกันความเสียหายและช่วยส่งสัญญาณประสาทอย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดความเสี่ยงโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ และภาวะซึมเศร้า โดยช่วยในการผลิตเซโรโทนิน
2. สร้างเม็ดเลือดแดง
- ป้องกันภาวะโลหิตจางชนิดเมกะโลบลาสติก (Megaloblastic Anemia) ซึ่งเกิดจากการสร้างเม็ดเลือดแดงผิดปกติ
3. เมตาบอลิซึมและพลังงาน
- ช่วยเปลี่ยนไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนเป็นพลังงาน โดยทำงานร่วมกับเอนไซม์ในวงจรเครปส์ (Krebs Cycle)
4. ลดระดับโฮโมซิสเทอีน
- ร่วมกับวิตามินบี6 และบี9 ช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีนในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
5. เสริมสุขภาพตาและกระดูก
- ลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age-related Macular Degeneration) โดยลดระดับโฮโมซิสเทอีน
- งานวิจัยบางชิ้นระบุว่าวิตามินบี12 อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้ที่มีระดับ B12 ต่ำ
ข้อเสียของวิตามินบี12
- ผลข้างเคียงทั่วไป การรับประทานหรือฉีดในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดหัว ท้องเสีย หรือผื่นคัน
- เมื่อทานร่วมกับยาลดกรด (Proton Pump Inhibitors) และยารักษาเบาหวาน (Metformin) อาจลดการดูดซึม B12 ได้
หรือยากันชัก เช่น Phenytoin อาจลดประสิทธิภาพของ B12 ในร่างกาย

กลไกการออกฤทธิ์ในร่างกาย
1. การดูดซึมและขนส่ง
- วิตามินบี12 ถูกดูดซึมผ่านลำไส้เล็กส่วนปลาย (Ileum) โดยจับกับโปรตีนที่เรียกว่า Intrinsic Factor (IF) หลังดูดซึม วิตามินจะจับกับโปรตีน Transcobalamin II เพื่อขนส่งไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ตับ ไขกระดูก และสมอง
2. บทบาททางชีวเคมี
- เมทิลโคบาลามิน (Methylcobalamin): ช่วยเปลี่ยนโฮโมซิสเทอีนเป็นเมไธโอนีน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้าง DNA และ RNA
- อะดีโนซิลโคบาลามิน (Adenosylcobalamin): ทำงานในไมโตคอนเดรียเพื่อช่วยสร้างพลังงานโดยเปลี่ยนกรดไขมันและกรดอะมิโนให้เป็นพลังงานผ่านวงจรเครปส์

เหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน
- สูตรวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) วิตามินบี 12 มักถูกผสมในสูตรวิตามินบีรวมร่วมกับบี 1, บี 2, บี 3, บี 5, บี 6, บี 7, และบี 9 เพื่อเสริมฤทธิ์กันในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน สร้างเม็ดเลือดแดง บำรุงระบบประสาทและสมอง
- สูตรวิตามินบี 12 แบบเดี่ยว (Cyanocobalamin หรือ Methylcobalamin) ซึ่งเหมาะกับคนที่มีความเสี่ยงขาดวิตามินบี 12 สูง เช่น ผู้ทานมังสวิรัติ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาการดูดซึม หรือผู้ที่มีอาการเหน็บชา อ่อนเพลีย หรือโลหิตจาง
- สูตรเฉพาะทาง เช่น ผสมกับกรดโฟลิก (บี 9) และธาตุเหล็ก สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง หรือหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ตัวอย่างอาหารเสริมวิตามินบี 12

Doctor's Best Fully Active B12 อาหารเสริมวิตามินบี 12 สูตรนี้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมีปริมาณวิตามินต่อเม็ดสูงถึง 1500 mcg ขนาดเม็ดค่อนข้างเล็กทำให้ทานได้ง่ายขึ้น มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านการเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบประสาท ช่วยปรับสมดุลและกระตุ้นให้สารสื่อประสาททำงานได้อย่างสมบูรณ์ จึงมีผลต่อสมาธิ ความจำ และความสดชื่นของสมองโดยตรง ทั้งยังช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงและเพิ่มพลังงานให้ร่างกายอีกด้วย

ผู้ประกอบการสามารถหาสารสกัด Vitamin B แต่ละแบบฟอร์ม ได้ที่

1. Quality Plus Intertek
- มีบริการพัฒนาสูตรวิตามินบีรวม วิตามินเดี่ยว หรือสูตรเฉพาะทาง พร้อมบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์และขึ้นทะเบียน อย. ผลิตได้หลายแบบฟอร์ม เช่น เม็ด แคปซูล ผง 
- ให้บริการสร้างแบรนด์อาหารเสริมแบบครบวงจร (OEM/ODM)
- มีทีมวิจัยและเทคโนโลยีทันสมัย สามารถผลิตได้หลากหลายแบบฟอร์ม
- บริการออกแบบบรรจุภัณฑ์และขึ้นทะเบียน อย. ให้คำปรึกษาเชิงลึกตั้งแต่ต้นจนจบ
2. SSP Biotech
- รับผลิตอาหารเสริมครบวงจร (OEM/ODM) พร้อมบริการ One Stop Service
- ผลิตได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เม็ด แคปซูล ผง เม็ดฟู่ เจลลี่ กัมมี่
- ทีมเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตรมากประสบการณ์
3. Nutrition SC (นิวทรีชั่น เอสซี)
- นำเข้าและจำหน่ายวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมอาหารเสริม รับผลิต OEM/ODM
- มีวัตถุดิบคุณภาพสูงจากทั่วโลก พร้อมบริการคิดค้นสูตรและนวัตกรรม
- รับผลิตอาหารเสริม เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
4. Kovic Kate International
- เชี่ยวชาญด้านสารสกัดวิตามินบีและอาหารเสริมทุกประเภท
- รับผลิตและพัฒนาสูตรตามความต้องการลูกค้า พร้อมบริการสร้างแบรนด์
- รองรับการผลิตอาหารเสริมในหลากหลายรูปแบบ
5. Maydi International
- รับผลิตอาหารเสริมวิตามินบีและวิตามินรวมทุกรูปแบบ เช่น ผงชงดื่ม, เม็ด, เม็ดฟู่, แคปซูล, กัมมี่ ฯลฯ
- บริการวิจัย คิดค้นสูตร ถอดสูตร คัดเลือกวัตถุดิบ และควบคุมคุณภาพ
6. กรุงเทพเคมี (Krungthepchemi)
- จำหน่ายวัตถุดิบวิตามินบีแต่ละชนิดและ Vitamin Premix สำหรับอุตสาหกรรมอาหารเสริมและเครื่องดื่ม
7. บริษัท จันทร์เจ้า ลองจีวิตี้ จำกัด 
- เป็นผู้จำหน่ายสารสกัดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพหลากหลายชนิด เลือกสรรวัตถุดิบ ที่มีคุณภาพดีที่สุด และมีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าได้ผลจริง มาให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ ในราคาที่คุ้มค่า 
8. บริษัท 3C GROUP
- 3C GROUP นำเข้าวัตถุดิบอาหารเสริมและให้บริการผลิตอาหารเสริมรวมวิตามินบี ที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีความสามารถระดับโลกเพื่อทำการวิจัยและคัดสรรวัตถุดิบ
9.  บริษัท ASIANBIOPLAX.COM
- สินค้าที่จำหน่ายเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรม ไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูป ผู้ใช้งานต้องมีความรู้และมีเครื่องมือที่เหมาะสมในการใช้งานวัตถุดิบ
- สินค้าผลิตด้วยกระบวนการที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานชั้นนำ มีใบรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม สามารถใช้อ้างอิงได้
- ผ่านการทดสอบความปลอดภัยของอาหารตามมาตรฐาน อย. เช่น ตรวจเชื้อ ตรวจโลหะหนัก และสารปนเปิ้อน

ข้อควรพิจารณา
- บริษัทที่เลือกมาให้นี้สามารถจัดหาวิตามินบีแต่ละชนิด เช่น B1, B2, B3, B5, B6, B7, B9, B12 และออกแบบสูตรร่วมกับสารอาหารอื่นๆ ตามเป้าหมายผลิตภัณฑ์ได้
- ผู้ประกอบการควรเลือกบริษัทที่มีมาตรฐานการผลิต (GMP, HACCP, ISO) สารสกัดที่มีการรับรองคุณภาพ และสามารถขึ้นทะเบียนอย. ได้
- หากต้องการสูตรเฉพาะทาง เช่น วิตามินบีรวมสำหรับบำรุงระบบประสาท สูตรบำรุงผิว หรือสูตรเม็ดฟู่ ควรแจ้งเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายให้บริษัทพัฒนาสูตรให้เหมาะสม

สรุป
การผลิตอาหารเสริมวิตามินบี ที่ใช้ในอาหารเสริมมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบรวมและแบบเดี่ยว รวมถึงสูตรเฉพาะทาง โดยแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกรูปแบบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งานและความต้องการส่วนบุคคล เลือกตามกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นผู้ประกอบการควรเลือกให้เหมาะสม โดยต้องควรคำนึงถึงความปลอดภัย มาตรฐานการผลิต และกลุ่มเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก

ทางทีมกูรูเช็คก็หวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่ต้องการสร้างแบรนด์และผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาสินค้าของตัวเอง และใครที่สนใจ Consult สร้างแบรนด์ ฟรี!! ก็สามารถ แอด LINE : @gurucheckacademy หรือคลิ๊กที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://line.me/R/ti/p/@gurucheckacademy

เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

1693

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “